With Love
ทดลองอ่าน กลับมารักกันอีกครั้ง บทที่ 1
เครื่องบินเดินทางถึงซีอานตอนสองทุ่ม
เมืองหลวงเก่าของสิบสามราชวงศ์ ภายในกำแพงเมืองหนาเก็บซ่อนเสียงทอดถอนใจแห่งกาลเวลาไว้นับไม่ถ้วน คูเมืองยังคงไหลอย่างเงียบสงัดดุจผ้าแพรประดับแสงดาราที่ทอดยาวอยู่ใต้เท้า เมื่อเดินออกจากอาคารผู้โดยสารสายลมในฤดูใบไม้ร่วงก็พัดแรงส่งเสียงดังหวีดหวิวประหนึ่งจะเขมือบคนเข้าไปทั้งเป็น
เซี่ยงหยวนจับคอเสื้อฮู้ดไว้แน่น เธอรอคนขับรถไปรับผู้โดยสารที่แชร์รถกับเธออยู่บริเวณหน้าประตู จุดหมายของเธออยู่ที่ลี่โจวซึ่งไม่มีรถไฟความเร็วสูงและเครื่องบินผ่าน เวลานี้จึงต้องแชร์รถกับคนอื่นเท่านั้น
ผ่านไปเพียงครู่เดียวคนขับรถก็พาคนกลับมาสามคนด้วยรอยยิ้ม ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือผู้ชายสองคนกับเด็กอีกหนึ่งคน
เซี่ยงหยวนนั่งเล่นเกมไขปริศนาอยู่ที่นั่งข้างคนขับโดยดึงหมวกฮู้ดมาบังลมเอาไว้ พอได้ยินเสียงก็เงยหน้ามองอย่างไม่ใส่ใจ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก นั่นมันเด็กกวนโอ๊ยที่เธอเจอเมื่อตอนเย็นนี่นา
คนทั้งกลุ่มลากกระเป๋าสัมภาระรอไฟแดงอยู่ เด็กน้อยไม่ค่อยเชื่อฟังนัก โมโหจนหน้าดำหน้าแดงยื่นตัวออกไปคิดจะฝ่าไฟแดง ผู้ชายตัวเตี้ยที่อยู่ข้างหลังรั้งเด็กไว้ไม่ได้ สีหน้าของเขาดูร้อนใจและคิดจะลงมือตีเด็กน้อยแต่ก็ไม่ค่อยกล้า เซี่ยงหยวนเห็นเขาชะเง้อมองไปทั่วด้วยความร้อนใจ
จนกระทั่งชายร่างสูงเพรียวโผล่เข้ามาในสายตาอย่างชัดเจน เขาเพิ่งโทรศัพท์เสร็จจึงเดินฝ่าฝูงชนเนืองแน่นออกมา ชายหนุ่มยัดมือถือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วก้มมองเด็กน้อยที่กำลังก่อกวนอย่างไม่แสดงอารมณ์ จากนั้นก็กระชากหมวกหลังเสื้อของเด็กน้อยอย่างเหลืออดแล้วลากไปอย่างไม่เกรงใจ
เด็กน้อยถูกเสื้อรัดคอจนใบหน้าแดงก่ำ แม้จะไอออกมาหลายครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจไยดี เขาขมวดคิ้วพลางเขกศีรษะของเด็กน้อยด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ไว้พรุ่งนี้ฉันซื้อประกันให้นายก่อนแล้วค่อยฝ่าไฟแดงนะ เกิดถูกรถชนตายขึ้นมาฉันจะได้รวยสักที”
สมแล้วที่เป็นพี่ชายแท้ๆ
รถจอดอยู่ริมถนนห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตร เซี่ยงหยวนนั่งแผ่อยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ อดไม่ได้ที่จะพิจารณาชายหนุ่มผู้นั้น
เขาสวมเสื้อไหมพรมสีเทาอ่อนไว้ข้างใน ปกเสื้อเชิ้ตเป็นระเบียบเรียบร้อย ข้างนอกคลุมด้วยเสื้อแจ็กเก็ตกันลมสีดำล้วน เอาหมวกที่หลังคลุมศีรษะไว้หลวมๆ เขากำลังก้มหน้าส่งข้อความอยู่จึงเห็นหน้าไม่ชัดนัก การแต่งตัวไม่พิถีพิถัน เน้นความสบายมากกว่า หุ่นของเขาเหมาะที่จะเป็นนายแบบเสื้อผ้าจริงๆ เมื่อยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนที่รอไฟแดงอยู่ เขาดูโดดเด่นกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ใช่แค่ผู้หญิง หากผู้ชายหน่วยก้านดี แค่ยืนเฉยๆ ก็ดึงดูดสายตาคนได้เหมือนกัน
ขณะที่เขาส่งข้อความอยู่ก็เงยหน้ามองไฟจราจรไปด้วย แสงไฟสลัวจากเสาไฟสาดลงกลางกระหม่อมของเขา บางจังหวะสามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้รางๆ
ดวงตาของเซี่ยงหยวนเปล่งประกาย ดูเหมือนเธอชักจะสนใจขึ้นมาแล้ว
คางของเขาคมสัน ไม่เรียวแหลม ดูเป็นชายชาตรีมาก สันกรามราบเรียบดูแข็งแรง เวลาจูบต้องรู้สึกดีมากแน่ๆ
แม้เธอจะวางมือจากวงการมานานแล้ว แต่ของชั้นเลิศแบบนี้หาได้ยากมาก
พอเปลี่ยนเป็นไฟเขียวฝูงชนก็ทะลักหลั่งไหลมาทางนี้อย่างต่อเนื่อง ผู้คนเดินขวักไขว่ตามๆ กันมา
เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้อีกหน่อยเซี่ยงหยวนก็ตาค้างทันที
ไม่ได้เจอกันนานหลายปี เมื่อครู่นี้เธอจึงตาถั่วจำเขาไม่ได้ แต่เมื่อแสงไฟส่องใบหน้าของเขาจนเห็นได้ชัด ต่อให้เธออยากแสร้งทำเป็นลืมก็เป็นไปไม่ได้ ผมของเขายังคงซอยสั้นแบบเรียบง่ายเหมือนเดิม ใบหน้าดูตอบลง ความเฉยเมยและเย็นชาบนใบหน้าดูเหมือนจะมากกว่าเมื่อก่อน ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าทุกกระเบียดนิ้วล้วนแสดงถึงอารมณ์อันหงุดหงิดของเขา แว่นตากรอบบางประณีตที่ประดับอยู่บนดั้งโด่งเพิ่มความเยือกเย็นให้เขาอีกหลายเท่า
ที่แท้คือสวีเยี่ยนสือนี่เอง
โลกกลมจริงๆ คนเกลียดกันมักวนเวียนมาเจอกัน
ปฏิกิริยาของเซี่ยงหยวนไวมาก ก่อนที่คนกลุ่มนั้นจะขึ้นรถ เธอก็รีบดึงเชือกรัดหมวกที่อยู่สองฝั่งของเสื้อฮู้ดมารัดให้แน่น ทำให้ใบหน้าและศีรษะของเธอถูกซ่อนไว้ใต้หมวกฮู้ดทันที และเพื่อกลบเกลื่อนความเก้อเขิน เธอจึงบรรจงผูกโบหมวกฮู้ดของตัวเองช้าๆ ด้วยท่าทางที่สง่างาม
การกระทำของเธออยู่ในสายตาของคนขับรถกับสามคนนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ
นอกจากสวีเยี่ยนสือที่มุมปากกระตุกนิดๆ แล้ว คนที่เหลือล้วนหัวเราะจนแทบจะกลิ้งลงไปกับพื้น
คนขับที่ขึ้นรถมายังไม่ลืมเตือนเธอ “หนู ถ้าหนาวก็ใส่เสื้อผ้าเยอะๆ หน่อย จะคลุมหัวไว้ทำไมกัน กลางค่ำกลางคืนน่ากลัวออก”
“ลุงว่าอะไรนะคะ หนูไม่เข้าใจค่ะ”
เซี่ยงหยวนตัดสินใจใช้ภาษากวางตุ้งของเธอกลบเกลื่อน
ทุกคนบนรถต่างหมดคำพูดกับเธอจริงๆ
เมื่อราตรีมาเยือนแสงจากเสาไฟทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ ส่องสว่างเรืองรองออกมา วงแสงสีขาวนวลดุจขนมปุยฝ้ายฟูนุ่ม พอมองออกไปนอกหน้าต่างทิวทัศน์ยามกลางคืนทั้งสองข้างทางดูเจริญผิดจากการคาดการณ์ของเธอ
เซี่ยงหยวนหยิบมือถือที่สั่นอย่างบ้าคลั่งอยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมา ก่อนจะแง้มหมวกฮู้ดเป็นช่องว่างแล้วยกมือถือขึ้นอ่าน พอคนขับรถเห็นเข้าก็หลุดขำออกมาอีก เซี่ยงหยวนไม่สนใจภาพลักษณ์อะไรแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมให้สวีเยี่ยนสือจำเธอได้เด็ดขาด
สวี่ยวน : เธอไปซีอานจริงๆ เหรอ จะบ้าหรือไง ไม่เล่นเกมแล้วเหรอ เธอจะไปทำงานอะไรเล่า
สวี่ยวน : ฉันจะบอกให้นะ ตอนนี้ตลาดเครื่องนำทางติดรถยนต์ย่ำแย่มากอยู่แล้ว ทุกคนเปลี่ยนไปใช้จีพีเอสในมือถือกันแล้วทั้งนั้น มันเร็วและสะดวกกว่า ปีที่แล้วมีบริษัทแบบเดียวกันเจ๊งไปตั้งหลายแห่ง เธอไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ลืมไปแล้วเหรอว่าเธอเรียนจบอะไรมา! สาขาวิทยุกระจายเสียงและพิธีกรนะยะ!
สวี่ยวน : เชื่อฉันเถอะ ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับมาแล้วขอโทษปู่เธอซะ
เซี่ยงหยวน : เธอยังจำสวีเยี่ยนสือได้ไหม
สวี่ยวน : จำได้สิ คนที่เคยมุดป่าในโรงเรียนกับเธอแล้วถูกจับได้น่ะเหรอ
เซี่ยงหยวนจ้องมองหลังคารถเงียบๆ ที่เพื่อนเธอพูดมาก็ถูก
สวี่ยวนยังคงต่อว่าเธอจนหมดเปลือกอย่างไม่ยอมลดละ
สวี่ยวน : จู่ๆ เธอพูดถึงเขาทำไม ตอนหลังเขาย้ายไปเรียนที่อื่นไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ตอนนั้นเธอก็คงไม่ต้องเลิกกับเฟิงจวิ้น เธอนี่มันนางล่มเมืองจริงๆ เป็นแฟนกับเฟิงจวิ้นอยู่ดีๆ ก็ไปอ่อยเพื่อนรักของเขาอีก ทำให้พวกเขาแตกคอกัน สวีเยี่ยนสือเองก็เลวใช้ได้เลย แย่งกระทั่งแฟนของเพื่อนรักตัวเอง ไหนว่ามาซิ คืนนั้นพวกเธอไปทำอะไรกันที่ป่าในโรงเรียน
เธอจะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมนะ
ความสัมพันธ์ของเธอกับสวีเยี่ยนสือเป็นเรื่องซับซ้อน ตอนที่เกิดเรื่องมุดป่าขึ้นเธอยอมรับว่าตัวเองทำผิดก่อน เธอเป็นคนข่มขู่และหลอกล่อเขาไปที่ป่าเอง แต่เธอไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดต่อเฟิงจวิ้นจริงๆ เธอกับสวีเยี่ยนสือไม่มีอะไรกัน ตอนนั้นเธอกล้ำกลืนฝืนทนยอมรับกับคุณครูว่าพวกเธอคบกันก็เพื่ออนาคตของสวีเยี่ยนสือ แต่ไม่นึกว่านอกจากเขาจะไม่ยอมรับความหวังดีของเธอแล้ว ยังหาว่าเธอหน้าด้านยิ่งกว่ากำแพงเมือง ถ้าไม่เอาก็สามารถบริจาคให้ประเทศนำไปพัฒนาเป็นชุดเกราะกันกระสุนรุ่นใหม่ได้ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แน่นอน
สวีเยี่ยนสือด่าเธอว่าหน้าด้าน แม้แต่คนสติไม่ดีก็ยังฟังออก นี่เป็นคำพูดที่เขาพูดจริงๆ เซี่ยงหยวนจำฝังใจมาสิบกว่าปี พอนึกถึงน้ำเสียงเย็นชาที่หนาวเหน็บถึงกระดูกของเขาแล้วเธอก็เสียวสันหลังวาบ ค่อยๆ ผูกปมที่หมวกฮู้ดให้เป็นเงื่อนตาย ไม่ยอมให้เขาจำได้เด็ดขาด
แต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ เบาะหลังก็มีคนส่งเสียงโหยหวนชนิดดังทะลุหลังคาออกมา “อ๊ากกก”
เซี่ยงหยวนที่กำลังผูกเงื่อนตายอยู่ตกใจจนมือสั่น
สวีเยี่ยนสือละสายตาที่ทอดมองนอกหน้าต่างอยู่กลับมา เพราะได้ยินเสียงตะโกนเซี่ยงหยวนจึงเงยหน้ามองกระจกมองหลัง เธอเห็นเขานั่งไขว่ห้างพิงอยู่ที่เบาะด้วยท่าสบายๆ แล้วเหลือบมองเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เหมือนจะถามว่า ‘นายมีเรื่องอะไรไหม’
ผู้ชายที่ตัวเตี้ยชื่อว่าเกาเหลิ่ง เป็นชื่อที่ต่างจากตัวจริงราวกับฟ้ากับดิน
เกาเหลิ่งตีหน้าเศร้า “ฉันไปเมืองนอกแค่อาทิตย์เดียว นางฟ้า Ashers ของฉันก็ประกาศออกจากวงการแล้ว แถมปิดบัญชีเวยป๋อไปด้วย ต่อจากนี้ฉันจะไม่ได้ดูไลฟ์ของเธอแล้ว…ฮือๆๆ เศร้าจังเลย นายเลี้ยงมื้อดึกฉันนะ”
Ashers เหรอ
รอยยิ้มของเซี่ยงหยวนผุดขึ้นที่มุมปาก อารมณ์ค่อยรู้สึกเบิกบานขึ้นมาบ้าง เธอกลับไปง่วนอยู่กับการผูกโบอย่างสง่าเช่นเดิมแล้วก้มหน้าเล่นมือถือทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพลางนึกถอนใจ มีแฟนคลับเยอะเกินไป สงสัยต้องพิจารณาตัวเองซะหน่อยแล้ว
จากนั้นเธอก็แอบมองสวีเยี่ยนสือด้วยหางตาอีกครั้ง เชอะ สักวันนายก็ต้องหลงเสน่ห์ฉันเหมือนกันนั่นแหละ
แย่แล้ว ชักอยากหวนคืนวงการอีกแล้ว
ใจเย็นไว้
“ไม่เลี้ยง”
ผู้ชายคนนี้แสดงออกถึงคำว่าเย็นชาไร้น้ำใจได้ถึงขั้นสุด เซี่ยงหยวนนึกอยากขำ แต่พอได้ยินประโยคต่อมาเธอก็ขำไม่ออก เพราะสวีเยี่ยนสือดันแว่นกรอบบางบนดั้งแล้วกล่าวอย่างไม่เป็นมิตร