อี้เจียงนั่งโคลงเคลงอยู่บนรถม้ามานานเต็มที อยากกระโดดลงตั้งนานแล้ว พอกวาดตามองไปรอบตัวก็รู้สึกเอะใจ เพราะดูเหมือนแคว้นฉีจะไม่ได้ส่งคนมารับ
ตลอดทางจ้าวจ้งเจียวไม่ได้คุยกับใครทั้งนั้น เป็นที่รู้กันว่าเขาอารมณ์ไม่ดี มาถึงที่หมายยังเจอเช่นนี้ แม้แต่ขุนนางส่งเสด็จยังเริ่มหน้าบึ้ง อี้เจียงมองเด็กหนุ่มลงจากรถอย่างอกสั่นขวัญผวา ราวกับทุกย่างก้าวของเขากระทืบลงบนใจนาง
จ้าวจ้งเจียวเดินเข้าไปในห้องโถงเองด้วยสีหน้าขมึงทึง
ขุนนางส่งเสด็จรีบตามเข้าไปพลางบอกอย่างหัวเสีย “ฉางอันจวินอย่าโมโหไป ข้าจะไปเอาเรื่องกับราชสำนักฉีเดี๋ยวนี้แหละ!”
จ้าวจ้งเจียวหยุดเดินแล้วหันขวับกลับมา “พวกเรามาขอความช่วยเหลือจากเขา ยังจะกล้าไปเอาเรื่องเขาอีกรึ ไปเร่งให้พวกเขารีบส่งกองทัพออกไปดีกว่ากระมัง”
ขุนนางส่งเสด็จกระอักกระอ่วนจนพูดไม่ออก
อี้เจียงเดินตามเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง กลัวจะเผลอไปสะกิดอารมณ์เทพผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังเดือดดาลคนนี้เข้า
คนทั้งขบวนเหนื่อยล้าจากการเดินทาง อุตส่าห์มาถึงที่พักแล้วทั้งที แต่ในจุดพักม้ากลับไม่มีใครมาดูแลหุงหาอาหารให้ ขุนนางส่งเสด็จยิ่งไม่พอใจหนัก สุดท้ายอาหารที่อีกฝ่ายยกมาให้ก็เป็นอาหารพื้นๆ ที่ทำแบบขอไปที อี้เจียงกินเข้าไปคำแรกยังคายทิ้ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโทสะของจ้าวจ้งเจียวคงใกล้ระเบิดเต็มที
เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น แต่ล้มโต๊ะต่อหน้าคนทั้งห้อง คล้ายตบหน้าคนที่ดูแลจุดพักม้าของแคว้นฉีอย่างแรง
ขุนนางส่งเสด็จเหงื่อตก ขณะที่สาละวนเตรียมอาหารให้ฉางอันจวินใหม่ ระหว่างนั้นก็มีข้ารับใช้สวมเสื้อชายสั้นสีเทาสองคนเดินเข้ามาในจุดพักม้า บอกว่าถือคำสั่งของมหาอำมาตย์แคว้นฉีมาเชิญฉางอันจวินไปพบที่จวน
อี้เจียงที่ได้ยินเสียงโผล่หน้าออกมาดูจากในห้อง เห็นใบหน้าขมึงทึงของจ้าวจ้งเจียวเข้าพอดี
เขายืนอยู่กลางห้องโถง แค่นยิ้มอย่างเดือดดาล “พวกเจ้าไม่ส่งขุนนางมาต้อนรับข้า ตอนนี้ยังจะให้ข้าไปพบมหาอำมาตย์ของพวกเจ้าด้วยตนเอง? นี่น่ะหรือมารยาทของแคว้นใหญ่ ฉีหวังเป็นท่านลุงของข้า ไม่เรียกข้าไปเข้าเฝ้าในวังหลวง แต่กลับให้ไปพบมหาอำมาตย์ก่อน นี่น่ะหรือลำดับความสูงศักดิ์ของเจ้าแคว้นกับขุนนาง”
ข้ารับใช้สองคนนั้นถูกย้อนถามก็อับจนด้วยคำพูด ต่างหันไปสบตากัน แล้วย้ำด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่านี่เป็นคำสั่งของมหาอำมาตย์ พวกเขาไม่มีสิทธิ์ถาม มีหน้าที่ทำตามคำสั่งอย่างเดียว
แม้แต่ข้ารับใช้ยังกล้าดูถูก ตั้งแต่เล็กจนโตจ้าวจ้งเจียวไม่เคยถูกปฏิบัติด้วยเช่นนี้มาก่อน มือที่ไพล่เอาไว้ข้างหลังกำแน่น พยายามข่มอารมณ์อยู่นานถึงจะระงับโทสะเอาไว้ได้
อี้เจียงเองก็รู้สึกหดหู่ใจ องค์ชายที่ใครต่อใครพากันเอาอกเอาใจพลันร่วงตกสวรรค์ภายในชั่วข้ามคืน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นออกจะรุนแรงเกินไปสักหน่อยแล้ว
ผ่านไปพักใหญ่ จ้าวจ้งเจียวถึงได้คลายกำปั้นออก แล้วบอกข้ารับใช้ว่า “ข้าเพิ่งมาถึงแคว้นฉี รู้สึกไม่ค่อยสบาย ครั้งนี้จะให้หวนเจ๋อซึ่งเป็นคนของข้าไปแทนก่อน”
อี้เจียงเพิ่งจะชมอยู่ในใจว่าดีที่เขาเห็นแก่บ้านเมืองไม่อาละวาด นึกไม่ถึงว่าพอเขาเอ่ยปากก็เอานางไปขายเสียนี่ นางรีบหลบกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
จ้าวจ้งเจียวหันมามองทางนี้พอดี อาการหนีหน้าของอี้เจียงเหมือนราดน้ำมันลงบนกองไฟ เพลิงโทสะที่ถูกสะกดเอาไว้ลุกโชติช่วงขึ้นมาเต็มกำลัง “ทำไม ตอนนี้แม้แต่ผู้ทรงภูมิหวนเจ๋อก็กล้าไม่เห็นคำสั่งของข้าอยู่ในสายตาแล้วรึ!”