เอ็มมานูเอลเปิดแม็กบุ๊กของตัวเองวางบนตัก หลังพิงหมอนที่เอามาตั้งรองเอาไว้กับหัวเตียง บนหน้าจอความละเอียดสูงกำลังเปิดใช้โปรแกรมสไกป์เพื่อต่อสายโทรหาเพื่อนร่วมวงที่เขาสนิทใจมากที่สุดอย่างฟรานซิส
“เดี๋ยวๆ เอาใหม่ซิเอ็ม ตานายจะจับนายทำอะไรนะ” ใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนเด็กอายุสิบหกของฟรานซิสฉายแววตลกขบขันเสียเต็มประดา เห็นหน้าอ่อนๆ อย่างนี้แต่ความเป็นจริงแล้วฟรานซิสนั้นอายุยี่สิบเอ็ดแล้วต่างหาก
“ตาจะจับคู่ฉันกับเด็กที่ไหนก็ไม่รู้” สิ้นเสียงของเอ็มมานูเอล ฟรานซิสก็ปล่อยก๊ากออกมาทันที ท่าทางกวนประสาทเหมือนตอนที่เอ็มมานูเอลหัวเราะตากับยายของตัวเองเมื่อตอนหัวค่ำไม่มีผิด
“เอ็ม นายหนีเสือปะจระเข้แท้ๆ แทนที่จะได้ไปพักผ่อน กลับต้องมาเจอเรื่องไร้สาระกว่าเดิมเสียอีก”
“เออสิ! พรุ่งนี้เด็กนั่นจะมาทานข้าวที่บ้านตาฉันด้วย บ้าเอ๊ย!”
“สวยไหม”
“อะไรนะ”
“ถามว่าสวยไหม ก็นายบอกว่าเจอกันแล้วนี่ เจอแบบตอนโตแล้วไม่ใช่เด็กน้อยกำสีเทียนตัวอวบๆ น่ะ”
เอ็มมานูเอลนั่งนึกทวนความทรงจำถึงใบหน้าตอนปัจจุบันของเต็มเดือนที่เขาได้เจอไปเมื่อตอนบ่าย
เด็กนั่นเคยตัวเล็กยังไงก็ยังตัวเล็กอยู่แบบนั้นแหละ แต่รูปร่างในตอนนี้ผิดกับตอนเป็นเด็กลิบลับ ตอนเด็กนั้นเต็มเดือนมีรูปร่างอวบและผิวพรรณดูนุ่มนิ่มเหมือนก้อนซาลาเปา น่ามันเขี้ยวจนอยากฟัดเนื้อฟัดตัววันละหลายๆ รอบให้เจ้าตัวรำคาญและร้องไห้ไปฟ้องแม่ แต่ตอนนี้เธอดูผอมเกินไปจนดูเปราะบางอย่างไรชอบกล ผิวพรรณยังขาวเหลืองเช่นเดิม ใบหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำอมน้ำตาลยาวเลยบ่า กับเครื่องหน้าที่เขาให้คำจำกัดความได้แค่คำว่า ‘จืด’
ไม่ใช่สเป็กเลยโว้ย!
“จืดๆ อ่ะ”
“หืม? จริงดิ โกหกหรือเปล่าเนี่ย เขาว่าสาวไทยทั้งสวยทั้งฮอต ผิวแทนๆ ตัวเล็กๆ ผมดำยาวเซ็กซี่” ฟรานซิสบรรยายสเตอริโอไทป์สาวไทยที่เป็นที่ชินตาของชาวต่างชาติอย่างละเมอเพ้อฝัน
คนอายุมากกว่าอดกลอกตากับความบ้าผู้หญิงของไอ้หน้าอ่อนนี่ไม่ได้
ฟรานซิสมีใบหน้าอ่อนเยาว์ ดูน่ารักและเรียบร้อยที่สุดในวงก็จริง แต่เอ็มมานูเอลขอยืนยันและนอนยันเลยว่าฟรานซิสมันก็แบดบอยดีๆ นี่เอง ในขณะที่คนอื่นบอกว่าเอ็มมานูเอลเป็นเสือร้ายแต่ความเป็นจริงแล้วฟรานซิสต่างหากที่ร้ายยิ่งกว่าเขาเสียอีก ไม่งั้นพวกเขาสองคนจะสนิทกันได้ยังไงทั้งที่อายุก็ห่างกันตั้งสี่ปีถ้าหากว่านิสัยของไอ้น้องเล็กนี่มันไม่แก่แดดเกินอายุจริง
หน้าหวานๆ ของฟรานซิสก็เป็นแค่หน้ากากเอาไว้อำพรางนิสัยเสือซุ่มของมันก็เท่านั้นเอง เพราะไม่ว่าจะเหล้าเอย บุหรี่เอย หรือปาร์ตี้ไหนๆ ขอให้บอกเถอะ ฟรานซิสเหมาหมดไม่มีพลาด
“คนไทยไม่ได้หน้าโทนนั้นกันทั้งประเทศนะ แม่ฉันก็ไม่ได้หน้าตาแบบที่นายว่าด้วย แม่ฉันไทยแท้นะจะบอกให้” เอ็มมานูเอลแก้ความเข้าใจผิดให้เพื่อนรุ่นน้องเสียใหม่
“อืม…แต่ถ้าจืดอย่างที่นายว่า นายก็คงทำใจชอบไม่รอดแล้วแหละเอ็ม”
“ฉันไม่อยากจะทำใจให้ชอบ ไม่อยากสนิทด้วย โตๆ กันแล้วก็ต่างคนต่างอยู่เหอะ ไม่อยากเลี้ยงเด็ก” เอ็มมานูเอลโวยวาย ทอดถอนใจอย่างหนักอกพลางคิดหาทางเอาตัวรอดไปด้วยอย่างหัวหมุน
หรือว่าเขาควรจะหนีไปฝรั่งเศสดี พ่อมีบ้านพักตากอากาศที่นีซนี่นา แอบขอให้แม่เตี๊ยมกับคนดูแลบ้านที่โน่นแล้วก็บินหนีไปพักสบายๆ น่าจะดีกว่า
ฟรานซิสยักไหล่ไม่ใส่ใจก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องงานและสถานการณ์ในบริษัทแทน “ช่วงนี้ก็ยังไม่มีงานอะไรเข้ามาหรอก พวกสื่อก็เล่นข่าวเรื่องนายโดนพักงานมาได้สักพักแล้วล่ะ พวกแฟนๆ ทั้งทวีตกับส่งข้อความหาพวกเรากันใหญ่เลย ถามว่านายโอเคไหม เป็นยังไงบ้าง มือถือฉันค้างไปสามรอบแล้วเนี่ย ฉันต้องปิดแจ้งเตือนไปสักพักใหญ่เลยล่ะ”
“อืม ฉันก็ปิดแจ้งเตือนโซเชียลมีเดียของตัวเองไปนานแล้วล่ะ” เอ็มมานูเอลกล่าว อดไม่ได้ที่จะเบนสายตาไปมองสมาร์ตโฟนของตัวเองที่วางนิ่งๆ อยู่บนโต๊ะหัวเตียงมาหลายชั่วโมงแล้ว
“นายก็ตอบทวีตแฟนคลับบ้างสิ พวกเขารักนายนะ เป็นห่วงนายมากด้วย”
“ไว้จะตอบวันหลัง” รับปากไปส่งๆ เท่านั้น หลายปีมานี้เอ็มมานูเอลรำคาญทุกอย่างบนโลกโซเชียลมีเดียมาก บางทีข้อความที่แฟนคลับส่งมาหา ชายหนุ่มก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ จะเหน็บแนม หลอกด่า หรืออยากสาปแช่งก็สุดรู้ อันที่จริงข้อความดีๆ มันก็มีแต่เรื่องดีๆ ก็มักโดนเรื่องแย่ๆ กลบมิดไปเสียหมด