LOVE
ทดลองอ่าน กับดักดวงดาว บทที่ 2
มันเริ่มตั้งแต่ที่เอ็มมานูเอลไปทะเลาะด่าทอ ‘เจเรมี่ สมิธ’ นักข่าวจากรายการข่าวบันเทิงช่องหนึ่งที่ไม่ได้ดังมาจากไหน เป็นแค่ช่องข่าวบันเทิงออนไลน์ที่ลงในยูทูบเท่านั้น แต่จากเหตุการณ์นั้นก็ทำให้ภาพลักษณ์ของเอ็มมานูเอลแย่ลงมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเพราะชายหนุ่มทำตัวเองหรือเพราะนักข่าวนั่งเทียนเขียนใส่ร้ายจนเกินจริงก็ตาม และชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนชอบแก้ตัวอย่างออกหน้าออกตา เพราะรู้สึกว่ามันตลก ร้อนตัว และดูตอแหลอย่างไรไม่ทราบ สู้ทำนิ่งๆ ไม่หือไม่อือ ปล่อยให้เรื่องมันซาไปเองไม่ดีกว่าหรือ แต่ก็นั่นแหละดูเหมือนว่านักข่าวทุกคนจะผูกใจเจ็บกับเอ็มมานูเอลมาก พอไม่ตอบโต้พวกนั้นก็ยิ่งได้ใจ เหมือนว่านักร้องหนุ่มเป็นเป้านิ่งที่จะเล่นงานอย่างไรก็ได้
ตอนนั้นเอ็มมานูเอลไม่น่าปากไวเลย เขาควรจะฟ้องเจเรมี่ สมิธ ข้อหาพูดจาหมิ่นประมาทและเหยียดเชื้อชาติแทน ทุกวันนี้ชายหนุ่มยังจำคำพูดในวันนั้นของไอ้นักข่าวนั่นได้อยู่เลย สมิธพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามว่าอองตวนไปซื้อตัวละอองดาวมาแต่งงานด้วยผ่านเว็บไซต์หาคู่ราคาถูก จากนั้นละอองดาวก็ย้ายตามสามีมาที่อเมริกาเพื่อมาเป็นกาฝากอยู่ในประเทศมหาอำนาจแห่งนี้ ทั้งที่แม่ของเอ็มมานูเอลนั้นเป็นผู้หญิงที่มีเกียรติและก็มีอาชีพอย่างถูกกฎหมายแท้ๆ
ตอนนั้นเอ็มมานูเอลยอมรับว่าเขาอารมณ์ร้อนจริงๆ แต่ใครจะไปทนได้ถ้าต้องมาฟังไอ้นักข่าวสมัครเล่นไม่มีจรรยาบรรณพูดถึงพ่อกับแม่ของตัวเองแบบนั้น แค่มันเปิดปากพูดคำแรกเท่านั้นชายหนุ่มก็รู้สึกไม่ชอบหน้ามันแล้ว ดูก็รู้ว่ามันมาหาเรื่องให้เอ็มมานูเอลโมโหออกฤทธิ์ออกเดชให้ได้เห็นเป็นบุญตา เจเรมี่ สมิธคงอยากจะลองดีเพราะชื่อเสียงของนักร้องหนุ่มในตอนนั้นก็ได้ชื่อว่าปากจัดอยู่แล้วด้วย และสุดท้ายเอ็มมานูเอลก็กลายเป็นไอ้ปากหมา ใจร้อน ไม่มีความเป็นมืออาชีพสมใจพวกนักข่าวในที่สุด
ต่อให้เอ็มมานูเอลจะทำตัวดีกับพวกแฟนคลับยังไง แต่มันก็ยังมีคนขยันส่งข้อความมาด่าเขาอยู่ได้ทุกวี่วัน แค่ชายหนุ่มไปยืนดูดบุหรี่อยู่หน้าบาร์ พวกน่ารำคาญก็สามารถเอามาเหน็บแนมได้แล้ว ทุกอย่างที่ผ่านมามันทำให้เขารำคาญ รำคาญจนรู้สึกว่าเอาเถอะ ถ้าอยากให้เลวมากนักเขาก็ทำให้ดูไปเลยแล้วกัน
“เอ็ม ฉันต้องไปแล้วนะ นายก็พักผ่อนซะ เรื่องคลุมถุงชนอะไรนั่นก็ไม่ต้องคิดมาก ขยันปฏิเสธเข้าไว้หรือไม่ก็หาสาวไทยสวยๆ สักคนมาควงกันท่าไปก่อนก็ได้” ฟรานซิสเอ่ยลาทิ้งท้ายรวดเร็ว เอ็มมานูเอลรับคำไปก่อนจะปิดโปรแกรมลงแล้วท่องอินเตอร์เน็ตเล่นไปเรื่อยเปื่อยตลอดคืนเพราะได้นอนพักเต็มอิ่มไปแล้วตั้งแต่บ่าย
เมื่อเริ่มเบื่อชายหนุ่มลูกเสี้ยวก็หยิบอัลบั้มภาพที่ถือติดมือมาเปิดออกดู ด้านในเป็นรูปของเขากับเต็มเดือนเกือบทั้งหมด ไม่รู้ว่าตากับยายไปแอบถ่ายอยู่ตรงไหนถึงได้รูปมาเยอะขนาดนี้ รูปบางมุมนั้นเอ็มมานูเอลเองก็แทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังถูกแอบถ่ายอยู่ ชายหนุ่มเปิดไล่ดูรูปไปทีละหน้าๆ อย่างเพลิดเพลิน พอได้กลับมาย้อนดูรูปพวกนี้อีกครั้ง ไอ้ที่บอกว่าลืมไปแล้วก็กลับเริ่มจะจำได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น คล้ายกับมีคนเอาหนังเก่ามาฉายซ้ำในหัว
นานๆ ละอองดาวจะพาลูกชายกลับไทยสักที แล้วเอ็มมานูเอลก็ได้กลับมาเยี่ยมตากับยายของเขาตอนอายุสิบเอ็ดขวบพร้อมกับพ่อและแม่ ด้วยความเป็นหลานชายคนเดียวที่นานๆ จะได้เจอหน้าทำให้กันต์และนภาต่างพะเน้าพะนอ เอาใจเอ็มมานูเอลมาก อยากได้อะไรก็ให้ อยากกินอะไรก็ได้กิน อยู่ที่นี่เอ็มมานูเอลเหมือนเป็นเจ้าชายน้อยๆ พระองค์หนึ่งเลยก็ว่าได้ ที่ชายหนุ่มจำได้อีกเรื่องก็คือหลายครั้งจะมีชายชราผิวสีแทนคล้ำแดด ตัวผอมสูงแต่ทะมัดทะแมงคนหนึ่งหอบหิ้วหลานสาวตัวเล็กๆ มาที่บ้านกฤติกรด้วยเสมอ เมื่อมาถึงเด็กคนนั้นก็จะเอาแต่นั่งวาดรูประบายสีหรือไม่ก็ดูการ์ตูนไปคนเดียว ไม่เคยรบกวนใครในบ้านเลย แม้แต่เด็กชายเอ็มมานูเอลที่อยู่ในวัยพอจะเป็นเพื่อนเล่นได้มากที่สุดก็ยังไม่เคยถูกเด็กหญิงตื๊อให้ไปเล่นด้วยสักครั้ง
เด็กนั่นเรียบร้อยมากแถมยังว่านอนสอนง่าย พูดอะไรก็เชื่อฟัง หน้าตาก็น่ารัก พวกผู้ใหญ่ต่างรักและเอ็นดูแม่ตัวอวบกันทั้งนั้นเพราะว่าเลี้ยงง่ายและไม่เซ้าซี้ ผิดกับเอ็มมานูเอลที่ทั้งทโมนและซนอย่างกับลิง ทำให้มักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับเด็กที่ชื่อเต็มเดือนอยู่บ่อยครั้งจนเด็กชายอดที่จะหมั่นไส้อีกฝ่ายไม่ได้ เด็กชายลูกเสี้ยวก็เลยชอบไปก่อกวนน้อง ชอบเอาเท้าเลอะดินที่ย่ำสนามในอาณาเขตของกฤติกรไปเหยียบผลงานศิลปะชิ้นเอกของเด็กห้าขวบให้เป็นรอยบาทาเลอะดินสกปรก หรือไม่เด็กชายก็จะชอบไปร้องเพลงล้อเลียนเจ้าหญิงแอเรียลจากเรื่อง ‘The Little Mermaid’ ที่กำลังร้องเพลงแหวกว่ายอยู่ในจอโทรทัศน์อยู่อย่างกวนประสาทเหมือนอย่างในรูปที่เขากำลังดูอยู่ในอัลบั้มนี้อย่างไรเล่า
เห็นแล้วก็นึกขำตัวเองที่ทำท่าสะดีดสะดิ้งขนาดนั้นลงไปได้
แต่ต่อให้จะโดนก่อกวนแค่ไหน แม่เด็กคนนั้นก็ไม่เคยที่จะวิ่งไปฟ้องผู้ใหญ่เลยว่าโดนพี่เอ็มก่อกวนอะไรบ้าง รอยเท้าที่อยู่บนผลงานศิลปะชิ้นโบแดงกลายเป็นเพียงอุบัติเหตุที่เด็กชายไม่ได้ตั้งใจ ส่วนไอ้ท่าล้อเลียนเงือกน้อยของเขาก็กลายเป็นว่า ‘ปี้เอ็มอยากเล่นเป็นแอเรียลกับหนู’ แทน เอ็มมานูเอลวัยสิบเอ็ดขวบก็เลยยิ่งได้ใจ จนกลายเป็น ‘ติด’ การแกล้งเด็กนั่นทุกวัน หรือไม่เด็กชายก็คงโรคจิตเพราะอยากทำให้เด็กหญิงเต็มเดือนผู้เรียบร้อยวีนแตกขึ้นมาบ้าง ราวกับว่าถ้าทำเธอร้องไห้ได้สำเร็จคงเหมือนเขาชนะการแข่งกีฬาได้รางวัลเหรียญทอง
ติดตามตอนไปเวลา 14.00 น.