บทที่ 5
นางอิจฉา
เอ็มมานูเอลกลับถึงบ้านตอนหกโมงเช้า
บอกได้เลยว่าเมื่อคืนเขากินเหล้าจนอ้วกแตก แต่ถึงจะเมาปลิ้นขนาดไหนชายหนุ่มก็ยังมีสติพอที่จะประคองร่างโงนเงนของตัวเองไปเช่าโรงแรมเล็กๆ นอนหนึ่งคืนให้สร่างเมาได้ พอฟื้นขึ้นมาก็ไปหาอะไรกินที่ร้านสะดวกซื้อตอนเช้าก่อนจะโบกแท็กซี่กลับบ้าน เอ็มมานูเอลไม่สนว่าจะถูกผู้เป็นตาด่าว่ายังไงบ้าง ทันทีที่กลับไปถึงบ้านกฤติกร ชายหนุ่มก็เดินตัวปลิวกลับห้องไปอย่างไม่คิดจะมองหน้าใครทั้งนั้น เมื่อถึงห้องร่างสูงก็ทิ้งตัวลงนอนบนฟูกหนานุ่มอย่างแรงประหนึ่งว่าแบตเตอรี่ในตัวนั้นหมดเกลี้ยงไปแล้ว กว่าจะตื่นและย่างเท้าออกจากห้องได้อีกครั้งก็บ่ายโมงกว่า
จากที่คิดว่าได้ปลดปล่อยความเครียดและความหงุดหงิดไปกับเหล้าหมดแล้วแท้ๆ แต่พอต้องมาเจอหน้าเต็มเดือนอีกครั้งตอนตื่นนอนแบบนี้ ริ้วอารมณ์โมโหและความหงุดหงิดของชายหนุ่มก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้งราวกับไฟ ร่างสูงเดินปรี่ตรงเข้าไปหาร่างผอมบางตัวขาวผ่องของเต็มเดือนที่นั่งหน้าสลอนอยู่กับปุยฝ้ายที่ศาลาแปดเหลี่ยมด้านล่างทันที
“เธอยังจะกล้ามาที่นี่อีกเหรอ!”
เต็มเดือนเงยหน้าขึ้นมองคนเสียงดังที่ยืนจังก้าค้ำหัวเธอกับปุยฝ้ายอยู่
“กลิ่นเหล้าหึ่งเลยค่ะ ไปอาบน้ำก่อนดีไหม” เธอย่นจมูกเพราะรับไม่ได้กับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่แผ่กระจายออกมาจากร่างสูงโปร่ง
“เรื่องของฉัน เธอน่ะมาทำอะไรที่นี่อีก นึกว่าเราคุยกันเข้าใจไปแล้วว่าฉันจะไม่แต่งกับเธอ”
“พี่เอ็มคะ เต็มต้องมาที่นี่ทุกวันพุธกับวันเสาร์อยู่แล้วนะ” เต็มเดือนไม่ได้ร้อนใจกับท่าทีเป็นฟืนเป็นไฟของชายหนุ่มขี้โมโหเลยสักนิด
“ทำไม จะมาตามตื๊อฉัน?” ชายหนุ่มกระแหนะกระแหน วันนี้ก็เป็นวันเสาร์จริงๆ ตามที่เด็กสาวบอกเสียด้วย
“มาสอนภาษาอังกฤษให้ปุยฝ้ายค่ะ”
เอ็มมานูเอลหุบปากฉับ ตาเจ้ากรรมเพิ่งสังเกตว่าบนโต๊ะพักผ่อนใต้ศาลาแปดเหลี่ยมนี้มีแต่หนังสือเรียนและกระดาษจดโน้ตมากมายวางกองเต็มไปหมด ปุยฝ้ายเองก็กำลังถือปากกาค้างอยู่ด้วย เด็กหญิงมองคนอายุมากกว่าสลับกันไปมา ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อเพราะไม่รู้ว่าผู้ใหญ่กำลังทะเลาะอะไรกันเนื่องจากทั้งคู่พูดเป็นภาษาอังกฤษใส่กันเสียไฟแลบ
“สอนภาษาอังกฤษเหรอ” ชายหนุ่มถาม สีหน้าดุดันเมื่อครู่หายวับไปกับตา
“ค่ะ เต็มรับสอนปุยฝ้ายมาตั้งนานแล้ว ไม่ได้นึกจะมาสอนตอนรู้ว่าพี่เอ็มจะกลับมาเมืองไทยหรอกนะคะ” เต็มเดือนยืนยันแข็งขันด้วยสีหน้าอมยิ้มน้อยๆ ไม่บอกก็รู้ว่าเธอกำลังล้อเอ็มมานูเอลอยู่ที่โวยวายเป็นไอ้บ้าสำคัญตัวผิดอยู่ได้ตั้งนาน
“เอ้อ…ก็ดี ดีแล้ว” ชายหนุ่มตอบตะกุกตะกัก พยายามรักษามาดเถื่อนๆ โจรๆ ของตัวเองไว้อย่างน่าหัวเราะ ก่อนจะทำทีหันไปพูดกับปุยฝ้ายว่าให้ตั้งใจเรียน แล้วร่างสูงก็รีบเดินหนีไปทางห้องครัวเพื่อจะถามหาของกินเล็กๆ น้อยๆ จากแม่แจ๋วแทน
ระหว่างที่กินข้าวต้มหมูสับหลบอายอยู่ในครัวนั้น เอ็มมานูเอลก็เลื่อนนิ้วสไลด์จอมือถือไปด้วยเพื่อจะอ่านข้อความที่ละอองดาวส่งกลับมา แต่พอกวาดสายตาอ่านจนจบ อารมณ์ของชายหนุ่มก็ยิ่งห่อเหี่ยวลงไปอีก
‘เอ็ม…พ่อเขาแอบเห็นข้อความที่ลูกส่งมาหาแม่ แม่เลยแอบเตี๊ยมกับหลุยส์ให้ลูกไปนีซไม่ได้แล้ว ลูกอยู่กับคุณตาคุณยายต่อไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่คุยกับพ่อให้อีกที รักลูกเสมอ’
บ้าเอ๊ย! อะไรก็ไม่ได้อย่างใจสักอย่าง!
ระหว่างที่เต็มเดือนนั่งรอให้ปุยฝ้ายทำแบบทดสอบให้เสร็จนั้น เด็กสาวก็หยิบมือถือมาเลื่อนอ่านข่าวสารต่างๆ ในโลกโซเชียลมีเดียไปตามเรื่องตามราว นิ้วเรียวเลื่อนหน้าจอไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดกับโพสต์จากเพจบันเทิงตะวันตกเพจหนึ่งที่เธอกดติดตามเอาไว้ ที่สะดุดตาก็เพราะมันมีเนื้อหาเกี่ยวกับคนที่เพิ่งมาโวยวายเล่นใหญ่ใส่เธอเมื่อครู่นี้น่ะสิ
‘อ้าว! จะมาไทยก็ไม่บอก ล่าสุดเวลาสี่ทุ่มเมื่อคืนนี้ ในย่านสถานบันเทิงมีชื่อ มีคนถ่ายรูปภาพของ ‘เอ็มมานูเอล โคลม’ จากวงสตาร์ส แทรปมาได้ขณะที่เจ้าตัวกำลังนั่งดริ๊งก์อยู่ในคลับดังแห่งหนึ่ง โดยมีสาวสวยปริศนานั่งตักคุยกันออเซาะกระหนุงกระหนิงทีเดียว! แต่ก็ยืนยันอย่างเป็นทางการไม่ได้นะจ๊ะสาวๆ ว่าพ่อเคราครึ้มในรูปนี่เป็นตัวจริงหรือแค่คนหน้าเหมือน เพราะไม่มีใครยืนยันได้ว่าตอนนี้เอ็มมานูเอลอยู่ที่ไหนกันแน่หลังจากถูกต้นสังกัดสั่งพักงานยาวถึงเจ็ดเดือน แต่ถ้าบังเอิญไปเจอคนหน้าคล้ายเดินเที่ยวเล่นอยู่ตามผับตามบาร์ในเขตกรุงเทพฯ เข้าล่ะก็ สามารถเชื่อได้ห้าสิบห้าสิบนะจ๊ะว่าอาจจะเป็นตัวจริง เพราะอย่าลืมว่าคุณแม่ของนางเป็นคนไทยจ้า! แสดงว่านางต้องมีญาติและมีบ้านอยู่ที่นี่จริงไหม หืม!!!’