บทนำ
ฟองจันทร์มองออกไปด้านนอกหน้าต่างเครื่องบินด้วยสายตาพรั่นพรึง สายฟ้าฟาดเป็นเส้นแสงแปลบปลาบราวกับจะฉีกผืนฟ้าสีขมุกขมัวเป็นชิ้น เธอเห็นความเป็นไปที่เบื้องนอกได้ชัดเจนแม้บานกระจกจะถูกรบกวนด้วยฝนเม็ดใหญ่ตลอดเวลา…อากาศภายในเคบินเครื่องบินค่อนข้างเย็น ทว่ามือเรียวสองข้างของเธอนั้นเย็นกว่า และการเอามันมาเกาะเกี่ยวกุมกันไว้แน่นหนาก็ไม่ได้ช่วยให้อุ่นขึ้นเลย
เครื่องบินลำโตสั่น หญิงสาวค่อนข้างแน่ใจว่ามันเหวี่ยงตัวไปมาน้อยๆ ด้วย นั่นทำให้สติของเธอพลอยทำท่าจะแตกตัวกระจัดกระจาย เธอเลยผินหน้ากลับแล้วหลับตาลง ตามด้วยการสูดลมหายใจลึกก่อนจะนึกท่อง
“โรตี ชาชัก มะตะบะ แกงเหลือง เอ็นหอยผัดฉ่า…”
เสียงท่องยาวยืดของเธอฉุดให้บุรุษที่นั่งอยู่ข้างๆ ลืมตาขึ้นและหันมามอง ตอนแรกเขานึกว่าหูฝาด แต่ฟังไปฟังมาที่เธอกำลังท่องล้วนเป็นเมนูอาหารจริงๆ
คนอะไรนั่งท่องชื่อเมนูอาหารบนเครื่องบิน
คิ้วของปาลย่นเข้าหากัน แต่ก่อนที่เขาจะดึงสายตากลับก็เหลือบเห็นสองมือที่เกาะกันแน่นบนตักของเธอเสียก่อน เขาชั่งใจนิดหนึ่งแล้วตัดสินใจเปิดปากถามตอนเธอท่องถึงบักกุ๊ดเต๋
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“คะ?” ฟองจันทร์ลืมตาขึ้นแล้วหันไปทำหน้าเหลอหลาใส่คนถาม
“ผมได้ยินคุณท่องชื่ออาหาร”
“ฉันท่อง…เอ๊ะ ฉันพูดออกไปด้วยเหรอ” หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วของเธอยิ่งดูโตเข้าไปใหญ่…เมื่อกี้เธอนึกว่าท่องอยู่ในใจเสียอีก!
“คุณกลัวเครื่องบินหรือเปล่า” ปาลถาม ครั้นเห็นสายตาที่มองมาเขาก็พยักพเยิดไปยังมือบนตักของเธอเป็นเชิงบอกว่าเขาเดาจากภาษากาย
“เอ้อ ปกติก็ไม่กลัวหรอกค่ะ แต่ถ้าเป็นตอนไม่ปกติแบบนี้…คือมีพายุ เครื่องตกหลุมอากาศแบบรู้สึกได้ฉันก็จะหลอนหน่อยๆ” ฟองจันทร์อธิบาย
“แล้ววิธีแก้ของคุณคือนั่งท่องเมนูอาหารเหรอ”
“คือฉันแค่พยายามหาอะไรเบี่ยงเบนความสนใจตัวเองอ่ะค่ะ” เธอยิ้มแห้ง “พอดีฉันกำลังจะไปเจอเพื่อน ตอนคุยกันก่อนหน้านี้เพื่อนส่งเมนูอาหารมายั่วฉันเต็มไปหมด ฉันก็เลยคิดว่าห้ามตายก่อนได้ไปกินอาหารพวกนั้น”
คำอธิบายของหญิงสาวเหนือความคาดหมายโดยสิ้นเชิง ปาลจ้องใบหน้าที่ดูเหมือนแทบจะไร้เครื่องสำอาง ก่อนที่มุมปากของเขาจะยกเป็นรอยยิ้มด้วยความขบขัน
“ก็เป็นวิธีที่ดีนะ”
“เอ่อ ถ้าเมื่อกี้รบกวนคุณฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันนึกว่าท่องอยู่ในใจ”
“ไม่เป็นไร คุณทำให้ผมได้ไอเดียเยอะเลยว่าต้องไม่พลาดกินอะไรบ้าง”
ฟองจันทร์หัวเราะแหะๆ ขณะที่ชายหนุ่มพยักพเยิดไปยังนอกหน้าต่างเครื่องบิน
“เหมือนเราจะผ่านพายุมาแล้วนะ”
หญิงสาวหันมองตาม ท้องฟ้าด้านนอกสว่างมากขึ้นแล้ว แม้จะยังมีฝนแต่ก็เป็นสัญญาณว่าสภาพอากาศดีขึ้นแล้วตามที่เขาบอก
“น่าจะใกล้ถึงสนามบินแล้วด้วย ดีจัง” เธอหันกลับไปส่งยิ้มกว้างให้เขา “เอ่อ ขอบคุณนะคะที่ชวนฉันคุย ฉันลืมกลัวเลย”
ปาลพยักหน้ารับจากนั้นเขาก็หันกลับไป ฟองจันทร์เลยนิ่งเสีย แม้ความจริงจะคุยกับเขาได้อีกตามประสาคนชอบผูกมิตร แต่ในเมื่อเขาไม่ได้มีทีท่าอยากคุยอีกเธอก็ไม่ควรรบกวนเขา แค่เขามีน้ำใจไถ่ถามคนแปลกหน้าอย่างเธอก็ถือว่าดีมากแล้ว
เรียกเขาว่าคุณใจดีไปก่อนแล้วกัน เอาไว้ถ้าโชคชะตาฟ้าลิขิตให้ได้เจอกันอีกสักหนแล้วค่อยถามชื่อเขาก็ไม่สาย