เรื่องควรจะจบแค่นั้น มันก็ไม่แปลกถ้าหลังจากเธอเคลียร์ตัวเองแล้วชายหนุ่มจะถอยห่างออกไป ทว่าเรื่องกลับกลายเป็นตรงข้าม เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และบอกว่าในเมื่อเธอไม่มีใครก็จะขอจีบเธอ เพราะเขาแน่ใจแล้วว่ารักเธอจริงๆ…ตั้งแต่นั้นสถานการณ์ระหว่างเธอกับเขาก็เต็มไปด้วยความอิหลักอิเหลื่อ อย่างน้อยก็ในฝั่งของฟองจันทร์ เธอทำงานที่บ้านเป็นหลัก ขณะที่เขาเข้านอกออกในบ้านเธอได้สะดวก แถมพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็สนับสนุน ไม่ว่าเธอจะพยายามแสดงจุดยืนอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจเอาเสียเลย
หญิงสาวอยากจะตัดขาดเขาแบบใจร้าย แต่เอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้ ไม่ใช่เพราะใจอ่อน ทว่าติดที่ครอบครัวนี่เอง ก่อนหน้านี้เธอเคยลองทำตัวแย่ๆ กับเขาไปหนหนึ่ง ปรากฏว่าผลสะท้อนกลับจากพ่อแม่ของเธอรุนแรงมาก สุดท้ายเธอก็ได้แต่ปล่อยให้เรื่องคาราคาซังมาถึงตอนนี้ เพราะไม่อย่างนั้นนอกจากกำจัดอรรณพได้แล้วเธอคงต้องแตกหักกับพ่อแม่ด้วย
เรื่องลูกชายเพื่อนแม่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ฟองจันทร์หนีมาสตูล แต่เธอก็พยายามหลบหน้าหลบตาเขาตั้งแต่ก่อนจะมาแล้ว ซึ่งมันก็สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง เมื่อก่อนเธอกับเขาแชตคุยกันบ่อย ตอนนี้เธอก็แกล้งปล่อยเบลอไม่เปิดอ่าน ผ่านไปสักสัปดาห์จึงอ่านสักหนแล้วตอบกลับสักประโยค เธอทำแบบนี้มาหลายเดือนแล้วแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมย่อท้อหรือรับรู้ถึงความเฉยชาของเธอเสียที
ช่างน่าเหนื่อยใจเหลือเกิน
“พูดก็พูดเหอะนะ ฉันว่าแกต้องย้ายออกจากบ้านว่ะ แบบว่าประท้วงเงียบอ่ะ ให้ที่บ้านแกรู้ว่าแกอึดอัด” ฐานิตส่งเสียงจากหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง มือไล้ครีมไปทั่วใบหน้า “เผลอๆ จะได้โบนัสเป็นการที่พ่อแม่แกบังคับให้ไอ้วาดไปทำงานแทนด้วย จะได้เลิกทำตัวเป็นคุณหนูเสียที”
“ฉันจะทำงั้นได้ไง” ฟองจันทร์ถอนหายใจอีกเฮือก
นอกจากเรื่องอรรณพแล้ว บ้านเธอก็ยังมีปัญหาหนี้สินจากการกู้เงินเกินตัว พ่อแม่ของเธอเป็นข้าราชการทำให้กู้หนี้ยืมสินค่อนข้างง่าย และมันก็เป็นปัญหาเรื้อรังมาตั้งแต่เธอยังเรียนไม่จบ เธอต้องเริ่มทำงานพิเศษกึ่งๆ จะส่งตัวเองเรียนตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย พอเริ่มทำงานเธอก็ใช้เงินจุนเจือพ่อแม่และขอกึ่งบังคับให้พวกท่านเลิกสร้างหนี้ก้อนใหม่ ที่ผ่านมาถึงจะแทบไม่มีเงินเก็บ ไม่ได้ใช้เงินที่หามาตามต้องการ แถมต้องติดแหง็กอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ แต่เธอก็คิดว่าอดทนช่วยที่บ้านตั้งแต่ตอนนี้น่าจะดีกว่าไปหาซื้อบ้านซึ่งแพงขึ้นทุกวันเองในอนาคต
อย่างไรก็ตามประเด็นในครอบครัวของเธอไม่ใช่แค่เรื่องหนี้ แต่มีเรื่องวาดจันทร์ผู้เป็นน้องสาวของฟองจันทร์ด้วย น้องมีอายุน้อยกว่าเธอสี่ปี ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปีที่สาม…และเป็นลูกรักของพ่อกับแม่
อันที่จริงคนมักจะพูดกันเสมอว่าพ่อแม่มักจะห่วงและเอาใจใส่ลูกคนเล็กมากกว่า แต่สำหรับครอบครัวเธอนั้นเหมือนจะเหนือกว่านั้นอีกระดับ นอกจากพ่อแม่จะสั่งสอนเธอให้ดูแลน้องและเสียสละให้น้องแล้ว พ่อแม่ยังสปอยล์วาดจันทร์ ให้ทุกอย่างที่น้องต้องการโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องพยายามอะไรเลย ในขณะที่ฟองจันทร์ต้องดิ้นรนหาเองมาตลอด ทุกวันนี้เธอต้องทำงานส่งน้องเรียนโดยที่เจ้าตัวนั่งๆ นอนๆ อยู่บ้าน แถมยังมีเงินค่าขนมใช้ช็อปปิ้งสบายมือ เธอเองพยายามคุยกับแม่แล้วว่าอย่างน้อยควรให้น้องช่วยประหยัด แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แถมบางครั้งยังทะเลาะกันด้วย
ฟองจันทร์ไม่ได้เกลียดน้องสาว รักมากด้วย ทว่าก็มีบางครั้งที่เธอนึกอิจฉาอีกฝ่ายและน้อยใจพ่อแม่ เพียงแต่เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน ในเมื่อเธอเคยพยายามเปิดอกคุยแล้วก็ไม่เคยเป็นผล
“ทำไมแกจะทำไม่ได้ ที่แกไม่อยากทำเพราะแกเป็นเด็กดีเกินไปเท่านั้นแหละ รายได้ต่อเดือนของแกพอเอาไปเช่าห้องอยู่ใช้ชีวิตเองได้ ยังไงแกก็ไม่ใช่พวกฟุ่มเฟือย แล้วระหว่างนี้ก็เลิกช่วยทางบ้านไปก่อน” ฐานิตชี้ให้เห็นความจริง “ฉันไม่ได้บอกให้แกอกตัญญูนะเว้ย ขอแค่สักพัก อาจจะไม่กี่เดือนเท่านั้นแหละ ให้ที่บ้านแกรับรู้ว่าแกไม่โอเคกับสิ่งที่เป็นอยู่จริงๆ อย่างน้อยก็ให้พ่อแม่ยอมเลิกพยายามจับคู่แก แล้วแกค่อยกลับไปอยู่บ้าน”
“หรือไม่แม่ก็คงโกรธมากจนไม่ให้ฉันกลับเข้าบ้านอีก แกก็รู้ว่าแม่พี่อู๋เนี่ยเพื่อนสนิทแม่ฉันนะ คราวก่อนฉันยังเกือบตาย” สาวร่างเล็กพูดหงอยๆ “ส่วนเรื่องวาดแกก็รู้ว่ายังไงพ่อแม่ก็ไม่มีทางให้วาดทำงานหรอก พวกท่านบอกว่าฉันเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยถึงเกรดไม่ดี แล้วเผลอๆ จะไปกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายค่าเทอม สุดท้ายก็ตกมาเป็นภาระของฉันอีกอยู่ดี”
“แล้วแกจะทนอยู่ในสภาพนี้ได้อีกนานแค่ไหน ถามหน่อย มันกระทบกับงานของแกแล้วด้วยเนี่ย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ วันนึงเดี๋ยวแกก็ไม่มีปัญญาหาเงินมาช่วยเหลือที่บ้านอยู่ดีแหละ” สาวร่างท้วมยังไม่ยอมราข้อ และเรื่องนี้ฟองจันทร์ก็เถียงไม่ได้เสียด้วย