ฟองจันทร์ก้มลงชะเง้อมองภาพจากเลนส์กล้องผ่านหน้าจอโทรศัพท์ในมือใหญ่ พอเริ่มเมื่อยเธอเลยเปลี่ยนท่าจากเป็นยืดตัวยืนตรง ขาของเธอดันเก้าอี้แบบไม่มีพนักเลื่อนไปด้านหลังจนเกิดเสียงดังครืด โชคร้ายมันเป็นจังหวะเดียวกับที่เด็กเสิร์ฟคนหนึ่งถือถาดที่มีชามมาม่าสองถ้วยเดินมาพอดี และขาของอีกฝ่ายก็ชนเข้ากับขอบเก้าอี้ ถาดในมือเอียงวูบ มาม่าชามหนึ่งไหลมาชนขอบถาดแล้วพลิกคว่ำตกลงมา ของเหลวร้อนๆ ส่วนหนึ่งราดลงตรงศอกของหญิงสาวที่ยื่นมาด้านหลัง เธอร้องลั่นแล้วชักศอกหนีทันที แต่จะหลบฉากก็ไปไหนไม่ได้ไกลเพราะติดเก้าอี้ที่วางเรียงชิดกันตามประสาร้านซึ่งไม่ได้มีพื้นที่มากนัก พอชามคว่ำตกลงบนเก้าอี้ทั้งมาม่าและของเหลวในชามจึงไหลมาหาท่อนขาเรียวอีกต่อ
ปาลหันขวับไปมองทันทีที่ได้ยินเสียงร้อง เขาปล่อยมือถือลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็วและแทบจะปีนข้ามโต๊ะไปหาเธอ มือฉวยขวดน้ำเปล่า ขณะที่ปากรีบร้องห้ามเมื่อเห็นเธอยกมือขึ้นทำท่าจะแตะต้องบริเวณที่โดนของร้อน
“อย่าถู!”
ฟองจันทร์สะดุ้ง เธอหันไปมองเขา แค่กะพริบตาทีเดียวร่างสูงก็มาถึงตัวแล้วและจัดการใช้น้ำจากขวดราดบริเวณศอกของเธอ จากนั้นก็คุกเข่าลงไปดูท่อนขาที่โผล่พ้นกระโปรงที่ยาวคลุมเข่าแล้วใช้น้ำราดอีกจุดอย่างรวดเร็ว
“โดนตรงไหนอีกไหม”
“ไม่มีแล้วค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้า
“เป็นไรมากไหม” เจ้าของร้านเดินอ้อมเคาน์เตอร์ออกมาถาม สีหน้ากังวล
“ไม่มีแผล แต่ยังไงขอน้ำแข็งสักก้อนสองก้อนแล้วกันครับ” ปาลหันไปตอบแทน อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วเดินกลับไปที่หลังเคาน์เตอร์ ขณะที่ฟองจันทร์หันไปหาเด็กเสิร์ฟที่ดูลนลาน
“ขอโทษครับพี่”
“ขอโทษเหมือนกันนะ เมื่อกี้พี่ไม่ทันระวัง” เธอส่งยิ้มไปปลอบ “เอาอาหารไปเสิร์ฟก่อนแล้วเดี๋ยวช่วยทำความสะอาดให้ทีนะ”
เด็กหนุ่มพยักหน้า ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีอาหารต้องเสิร์ฟ พออีกฝ่ายถือถาดอาหารไปทางหน้าร้านแล้วปาลก็พยักพเยิด
“คุณไปนั่งฝั่งนู้นกับผมก่อนแล้วกัน”
ฟองจันทร์พยักหน้ารับแล้วตามไปโดยดี พอนั่งปุ๊บเจ้าของร้านก็กลับมาพร้อมแก้วน้ำแข็งเปล่า ชายหนุ่มเป็นคนเอื้อมไปรับมาและเอ่ยขอบคุณ จากนั้นเขาก็เอาแก้ววางตรงหน้าเธอ
“เอาน้ำแข็งประคบสักหน่อยครับ จะได้หายปวดแสบปวดร้อน”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวทำตามโดยดีเช่นเคย “จริงๆ ฉันก็เคยโดนน้ำร้อนมาก่อนนะ แต่เมื่อกี้ตกใจจนลืมไปเลยว่าควรเอาน้ำเย็นล้าง”
“ผมทำงานในครัว เจออะไรแบบนี้จนชิน” ปาลหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง “ผมถ่ายภาพให้คุณครบทุกจานแล้วล่ะ เดี๋ยวคุณลองเช็กดูก่อนแล้วกัน”
“เท่าที่เห็นฉันว่าโอเคแหละค่ะ คุณกินเลยเถอะ” ฟองจันทร์บอกเพราะเห็นว่าเขาเสียเวลาวุ่นวายกับเธอมามากแล้ว จากนั้นเธอก็ส่งยิ้มให้เด็กเสิร์ฟคนเดิมที่มาทำความสะอาดตรงอีกฝั่งของโต๊ะ
ชายหนุ่มสังเกตท่าทีของเธอเงียบๆ พร้อมกับจิ้มเอ็นข้อไก่ทอดเข้าปาก จนกระทั่งเด็กเสิร์ฟผละไปแล้วเธอจึงถอนหายใจ
“ชามเมลามีนไม่แตก แต่ไม่รู้ว่าน้องเขาต้องรับผิดชอบค่ามาม่าชามนั้นหรือเปล่า…ฉันเคยทำงานพิเศษเป็นเด็กเสิร์ฟ งานก็เหนื่อยอยู่แล้ว บางวันซุ่มซ่ามทำนู่นนี่เสียหายก็ต้องเอาเงินค่าแรงมาจ่ายชดใช้ แทบจะเหมือนทำงานฟรี มันแย่มากเลยนะ”
“เราให้ทิปเขาก็ได้นี่” ปาลเปรย พอเธอหันมาเขาก็ส่งยิ้มให้ “ผมเองก็ทำงานในครัวมาจากระดับล่างสุด เข้าใจที่คุณพูดดีเลยล่ะ”
ฟองจันทร์ฉีกยิ้มตอบกลับไป สบายใจอย่างบอกไม่ถูกที่เขาเข้าใจความรู้สึกของเธอ
ว่าแต่…คนเราจะซวยได้ถึงขนาดไหนเนี่ย เมื่อวานเกือบโดนรถชน วันนี้โดนน้ำมาม่าร้อนๆ ลวก พรุ่งนี้ไปเที่ยวโรงแรมที่ยังสร้างไม่เสร็จหวังว่าคงไม่โดนอะไรตกใส่หัวนะ
โปรดติดตามตอนต่อไป…