หญิงสาวนึกในใจด้วยความหมั่นไส้ แต่สายตากลับมองคนตัวสูงด้วยความชื่นชม และก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าเธอแอบมองเขาด้วยความหลงใหลอยู่นั้นเธอก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“ท่าทางคุณจะชอบดื่มนะคะในห้องถึงต้องมีบาร์เหล้าด้วย” กีรณาถามขณะที่สายตายังมองชายหนุ่มที่กำลังผสมค็อกเทลให้เธอด้วยท่าทางคล่องแคล่วราวกับเป็นบาร์เทนเดอร์
“นิดหน่อยครับ แต่ผมเป็นคนชอบดื่มคนเดียวหรือไม่ก็คนที่สนิทเท่านั้นก็เลยมักจะดื่มอยู่ที่ห้องมากกว่าออกไปดื่มที่ร้าน” เขาบอกสาเหตุที่ในห้องมีบาร์เหล้าเล็กๆ แบบนี้
“แต่ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกเราก็เจอกันในผับนะคะ”
ประโยคนั้นทำให้เชษฐ์ชะงักไปเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาเผลอพูดอะไรผิดไป แต่ก็เป็นเพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะยิ้มให้กับเธอเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเธอก็ไม่ทันสังเกต
“ตอนนั้นผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศ เพื่อนก็เลยลากไปเที่ยว แต่ก็ดีนะเพราะมันทำให้ผมได้เจอกี้” เชษฐ์บอกขณะที่ดวงตาคมกริบจับจ้องร่างบางไม่ยอมละสายตา เป็นกีรณาที่รู้สึกเขินอายจนประหม่าจึงเสมองไปทางอื่น “แล้วกี้ล่ะ วันนั้นทำไมถึงได้ไปเที่ยวผับคนเดียว”
“มันแปลกด้วยเหรอคะที่กี้จะไปผับคนเดียว”
หญิงสาวไม่ตอบแต่เป็นฝ่ายย้อนถามเชษฐ์ เพราะยังไม่แน่ใจว่าควรจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานฟังหรือไม่…ถึงแม้เธอจะไว้ใจเขาค่อนข้างมากก็ตาม
“ส่วนใหญ่คนที่ไปเที่ยวผับมักจะไปกันเป็นกลุ่มมากกว่า” เขาวิเคราะห์ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “แล้วท่าทางของกี้ก็ดูไม่คุ้นเคยกับสถานที่แบบนั้นเท่าไหร่ ผมเดาว่ากี้คงไม่ค่อยได้ไปเที่ยวบ่อย…ใช่มั้ย”
“ก็จริงค่ะ” หญิงสาวตอบรับไปตามความจริง
กีรณาไม่เคยคิดว่าผู้หญิงที่ไปเที่ยวกลางคืนเป็นคนไม่ดี เพราะคนเราจะตัดสินกันเพียงแค่เรื่องเปลือกนอกแบบนั้นไม่ได้ เพียงแต่ในฐานะของเธอตอนนี้…เธอเลือกที่จะไม่ไปเพราะต้องการประหยัดเงิน ใช้เวลาไปกับการนอนพัก และเก็บแรงเอาไว้ทำงานหาเงินมากกว่า
“แล้วเกิดอะไรขึ้น พอจะเล่าให้ผมฟังได้มั้ย”
เชษฐ์ถาม ดวงตาสีดำสนิทมองเธอด้วยความสงสัยและเป็นห่วงอยู่ในทีราวกับพอจะคาดเดาได้ว่าเบื้องหลังของการไปท่องราตรีคืนนั้นของเธออาจมีปัญหาซุกซ่อนเอาไว้
“ช่วงนั้นชีวิตกี้ค่อนข้างซวยน่ะค่ะ”
กีรณาเปิดใจเล่าในที่สุด หญิงสาวคิดว่าในเมื่อเธอลองเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำความรู้จักกับเชษฐ์แล้ว เธอก็น่าจะแชร์เรื่องราวในชีวิตให้เขาได้ฟังบ้าง บางทีความเห็นของเขาอาจบอกให้เธอรู้ได้ว่าลึกๆ เขาเป็นผู้ชายแบบไหน มีทัศนคติยังไง และเธอกับเขาจะเข้ากันได้หรือเปล่า
“กี้จับได้ว่าแฟนที่เพิ่งคบหาไม่นานนอกใจ” เธอทำหน้ามุ่ยเบาๆ “น้องชายก็ไปมีเรื่องกับคู่อริ แถมกี้ยังถูกเจ้านายเก่าลวนลาม แล้วเมียเขาก็มาหาว่ากี้เป็นเมียน้อยอีกต่างหาก กี้ทนไม่ไหวก็เลยด่าเขากลับไปแล้วรีบลาออกจากงาน แต่ถึงไม่ลาออก เมียเจ้านายเก่าก็คงจะไล่กี้ออกอยู่ดี”
ชายหนุ่มรับฟังเงียบๆ ขณะรินค็อกเทลที่ผสมแล้วใส่แก้วก่อนนำมันมาเสิร์ฟให้กีรณา แม้เขาจะไม่ได้พูดอะไรแต่ใบหน้าหล่อเหลากับสายตาคมคู่นั้นบอกได้ว่าเขาเห็นใจเธอ
“พอกี้ไปเที่ยวผับ กะว่าจะฟังเพลงแก้เครียดสักหน่อยก็ดันถูกผู้ชายลวนลาม”
กีรณาหัวเราะขื่นๆ ให้กับโชคชะตาที่เลวร้ายของตัวเอง เชษฐ์ยิ่งมองเธอด้วยสายตาเห็นใจมากขึ้นราวกับเขาโกรธแค้นโชคชะตาแทนกีรณาที่ถูกเล่นตลกกับชีวิตถึงขนาดนี้
“ว่าแต่…คุณคงไม่ใจร้ายมอมเหล้ากี้หรอกนะคะ” หญิงสาวถามหยั่งเชิงขณะมองค็อกเทลสีสวยที่ถูกนำมาวางตรงหน้า เธอไม่อยากคุยเรื่องเครียดๆ จนเสียบรรยากาศอีกแล้ว
“ผมบอกแล้วไงว่าผมจะไม่ทำอะไรผู้หญิงที่ไม่เต็มใจ” เชษฐ์บอกยิ้มๆ แต่น้ำเสียงหนักแน่นและมั่นคง “กี้ลองจิบดูสิครับ ผมผสมแอลกอฮอล์ไม่มากหรอก ผมอยากรู้ว่ากี้ชอบหรือเปล่า”
กีรณายิ้มบางๆ ก่อนจะยกแก้วค็อกเทลขึ้นจิบอย่างช้าๆ โดยมีบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อคอยมองเหมือนกำลังรอลุ้นผลว่ารสชาติของค็อกเทลที่ตนเองตั้งใจทำจะถูกใจเธอหรือไม่
“โอเคเลยนะคะ คุณนี่เก่งรอบด้านเลยนะ” เธอชมจากใจจริง
“แต่คงยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างกี้” คนตัวสูงมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน เขาวกกลับมาคุยเรื่องเธออย่างสนใจ “เหมือนมีใครเล่นตลกกับชีวิตกี้เหมือนกันเนอะ”