เช้าวันที่สอง รัญชน์รวิชญ์ตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปเดินเล่นก่อนทานอาหารเช่นเดียวกับเมื่อวาน แต่ตั้งใจว่าวันนี้เขาจะพยายามระวังไม่ให้ไปเจอกับแพรภัทรเข้าอีก ทว่าทันทีที่เปิดประตูออกมาจากห้องก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะเสียงทักทายของอรณี…
“จะไปเดินเล่นเหรอรัน ไปด้วยกันไหม พี่กำลังจะไปเก็บขยะแก้บนเป็นเพื่อนแพร”
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มเป็นมิตรออกมาท่ามกลางความรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจที่เขาสามารถเก็บซ่อนเอาไว้ได้อย่างมิดชิด “ผมกะว่าจะไปทานข้าวก่อนครับ แล้วค่อยไปเดินเล่น”
“แต่นี่ยังไม่เริ่มเวลาอาหารเช้าเลยนี่นา ระหว่างรอก็ไปเดินเล่นด้วยกันก่อนสิ” อรณีคะยั้นคะยอ
รัญชน์รวิชญ์เหลือบไปสบตากับแพรภัทรแวบหนึ่ง เธอกำลังมองเขาอยู่เงียบๆ เหมือนอ่านออกว่าเขารู้สึกลำบากใจกับการชักชวนของอรณี ถึงแม้เธอจะทำให้เขารู้สึกไม่ดี แต่ในความเป็นจริงตอนนี้คือเธอยังไม่ได้คุกคามสร้างความเสียหายอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน และเขายังฟันธงไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอคือแฟนคลับโรคจิตรายนั้นจริงๆ
แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงโดนก่อกวนด้วยการส่งข้อความมาป่วนไม่เลิก ใจหนึ่งชายหนุ่มอยากจะบล็อกบัญชีผู้ใช้ไอจีที่ชื่อ ‘Pearlypare’ ไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าคนที่ให้คำปรึกษาเขาในเรื่องนี้แนะนำว่าไม่ควรทำเช่นนั้น เพราะหากอีกฝ่ายมีอาการผิดปกติทางจิตเกินกว่าที่คิด อาจจะเกิดความไม่พอใจจนตัดสินใจก่อเรื่องรุนแรงเกินคาดเดาขึ้นเมื่อโดนเขาบล็อก อย่างน้อยการรับรู้และได้เห็นความเคลื่อนไหวพร้อมทั้งทราบความคิดหรือเจตนาต่างๆ ของหล่อนย่อมทำให้เขาปลอดภัยมากกว่า เขาเป็นคนที่อยู่ในที่แจ้งซึ่งอาจจะโดนคนในที่มืดทำอันตรายได้ง่าย
อย่างไรก็ตามเมื่อคืนนี้รัญชน์รวิชญ์ก็ได้รับข้อความกับรูปภาพจาก ‘Pearlypare’ อีกครั้ง เป็นภาพถ่ายวิวทะเลของจังหวัดสตูล ซึ่งเป็นพื้นที่ในบริเวณเดียวกันกับจุดที่เขาไปถ่ายทำรายการเมื่อวานนี้…
หลังจากได้คลุกคลีร่วมงานกันตลอดสองวันที่ผ่านมา รัญชน์รวิชญ์ก็ย้ำกับตัวเองว่าเขาจำเป็นต้องระวังตัวจากแพรภัทรให้หนักกว่าเดิม แม้เธอจะออกตัวว่าไม่ได้เป็นแฟนคลับเขาก็ตาม เธอบอกทุกคนว่าชื่นชอบและได้ชมผลงานของเขาเป็นประจำ แต่ไม่ได้ติดตามใกล้ชิดในฐานะแฟนคลับ ทว่าเขาเชื่อแน่ว่าเธอโกหก เพราะตอนนี้รัญชน์รวิชญ์ค่อนข้างมั่นใจไปเกินกว่าครึ่งแล้วว่าเธอกับ ‘Pearlypare’ คือคนเดียวกัน แต่สิ่งที่เขาสามารถทำได้ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือการระวังตัวจากเธออย่างเงียบๆ
“ผมว่าจะไปถ่ายรูปวิวแถวห้องอาหารเช้า แล้วนั่งอัพรูปเล่นรอกินข้าว เสร็จค่อยไปเดินที่หาด”
“เอ… งั้นเราไปกินข้าวกับรันก่อนดีไหมแพร แล้วค่อยไปเดินเก็บขยะ เดินๆ อยู่จะได้ไม่หิวแล้วต้องรีบกลับ”
“แต่หนูอยากไปเดินเก็บขยะก่อน แล้วเมื่อวานคุณรันก็โดนหนูกับพี่ปูนรบกวนตอนเดินเล่นไปทีหนึ่งแล้ว จนต้องมาช่วยเก็บขยะอยู่ตั้งนาน ที่สำคัญหนูเคยอ่านบทสัมภาษณ์ คุณรันบอกว่าเวลามาเที่ยวทะเล เขาเกลียดการโดนคนรบกวนมากที่สุด เขาชอบอยู่กับธรรมชาติเงียบๆ มากกว่า และชอบอยู่กับทะเลมากกว่าอยู่กับคน เหตุผลที่เขาเลี้ยงหมา…ก็เป็นเพราะปกติแล้วเขาชอบคุยกับสัตว์มากกว่าคน เขาบอกว่าถ้าหมาพูดได้วันๆ เขาอาจจะไม่คุยกับคนโดยไม่จำเป็นเลย”
อรณีฟังแล้วเบิกตาโต หันขวับไปมองรัญชน์รวิชญ์ “จริงเหรอรัน!”
“เอ่อ… ครับ”
“ตายแล้วยายแพร ไหนบอกว่าเธอไม่ใช่แฟนคลับรันไง ทำไมรู้เรื่องเขาละเอียดขนาดนี้ล่ะ พี่เคยทำงานกับเขามาตั้งหลายครั้งยังไม่รู้เลย”
“หนูแค่บังเอิญไปอ่านเจอ” เธอบอกพร้อมกับมองหน้ารัญชน์รวิชญ์ยิ้มๆ และเขาก็ฝืนมีมารยาทยิ้มตอบเธออย่างมีเสน่ห์ชวนมอง แต่แพรภัทรรู้สึกได้ว่าเขากลั้นอาการแสยะยิ้มเอาไว้แทบตาย
“โอเค งั้นเราสองคนก็ไปที่หาดเถอะ” อรณีบอกแพรภัทรเป็นการสรุป “ตามสบายนะรัน เดี๋ยวเจอกันที่รถ”
พอแยกตัวจากรัญชน์รวิชญ์มาแล้ว อรณีก็เอ่ยปากออกมาอย่างอดสงสัยไม่ได้ “ท่าทางเธอเวลาอยู่ต่อหน้ารันดูแปลกๆ นะแพร พี่ว่าเธอมองเหมือนกับไม่ไว้ใจอะไรเขาสักอย่าง…”
แพรภัทรฟังแล้วเกือบสำลักออกมาอย่างเหลือเชื่อ “พี่อร! เข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ที่พี่ว่ามาเนี่ย…มันตรงกันข้ามกับความเป็นจริงเลย คุณรันต่างหากที่ดูแปลกๆ เหมือนไม่ไว้ใจหนู นี่พี่อรดูไม่ออกจริงๆ หรือคะว่าเขามักจะทำท่ากระอักกระอ่วนยังไงชอบกลเวลาอยู่ใกล้หนู”