“บ้าไปแล้ว ทำไมมีหลักฐานแค่นั้นแล้วด่วนสรุปแบบนี้ล่ะ ไม่สมกับเป็นรันเลย อย่างน้อยก็น่าจะมาคุยกับพี่ก่อนสิ” อรณีพูดด้วยสีหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งอย่างเหลือเชื่อแกมอ่อนใจ ไม่รู้จะหัวเราะเพราะขำหรือร้องไห้เพราะสงสารแพรภัทรดี “มิน่า ยายแพรถึงได้รู้สึกเหมือนรันเกลียดอะไรเขาอยู่ แต่ใครมันจะไปคาดคิดว่าตัวเองโดนตราหน้าว่าเป็นแฟนคลับโรคจิตที่เนียนเข้ามาเป็นทีมงานกองถ่ายได้”
แพรภัทรฟังแล้วช็อกจนมึน หน้าเธอชาดิกไปหมด รู้สึกโกรธจนขนลุกขนพองและร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่รัญชน์รวิชญ์ทำให้เธอรู้สึกฉงนสนเท่ห์ตลอดสามวันที่ผ่านมาพลันปรากฏขึ้นในหัวเหมือนเป็นเหตุการณ์ที่มาช่วยตอกย้ำความจริงที่ว่ารัญชน์รวิชญ์ชิงชังรังเกียจเพราะคิดว่าเธอเป็นแฟนคลับโรคจิตที่ตามระรานชีวิตส่วนตัวของนักแสดงอย่างเขา คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะมองเธอในแง่เลวร้ายได้ถึงเพียงนั้น จากตอนแรกที่เห็นหน้าอิษฎาแล้วรู้สึกหงุดหงิดแทบเป็นแทบตาย แต่ตอนนี้อารมณ์รุนแรงทั้งหมดของเธอได้ถูกโยนไปทางรัญชน์รวิชญ์จนหมดสิ้น
แต่ต้องนับว่ารัญชน์รวิชญ์โชคดีมากที่โดยปกติแล้วแพรภัทรเป็นคนที่สามารถจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ค่อนข้างดี แม้ในยามที่โกรธจัดจนอยากจะฆ่าคู่กรณีให้ตายคามือ เธอก็ยังสามารถแยกแยะได้ระหว่างความรู้สึกกับการแสดงออก เธอรู้ดีว่าหากปล่อยให้ตัวเองระบายอารมณ์ออกมาตอนที่ความรู้สึกกำลังพลุ่งพล่านขนาดนี้ มันจะก่อให้เกิดผลเสียต่อทุกฝ่ายมากกว่าผลดี ดังนั้นตอนนี้เธอจึงเลือกที่จะอดทนและเก็บกลั้นโทสะเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
เนื่องจากแพรภัทรยืนยันกับอิษฎาและอรณีว่าตอนนี้เธอยังไม่ต้องการรีบทำความเข้าใจกับรัญชน์รวิชญ์เกี่ยวกับเรื่องที่เขากำลังเข้าใจผิด เพราะไม่คิดว่าเขาจะยอมเชื่อเธอง่ายๆ แล้วมันอาจจะยิ่งทำให้ปัญหาเล็กๆ นี้บานปลายไปกันใหญ่จนเธอต้องกลายเป็นแฟนคลับโรคจิตในสายตาคนทั้งกองถ่ายไปเลย เพราะไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร พอเรื่องนี้ถูกเปิดเผย…ทุกคนก็คงเลือกที่จะเชื่อคนอย่างรัญชน์รวิชญ์มากกว่าคนอย่างเธอ ดังนั้นหญิงสาวจึงยินดีจะถูกรัญชน์รวิชญ์เข้าใจผิดต่อไปแค่คนเดียว ดีกว่าถูกคนอื่นเข้าใจผิดไปด้วย เธอเชื่อว่าในวันที่แฟนคลับโรคจิตตัวจริงปรากฏตัวขึ้น ความจริงทั้งหมดก็คงกระจ่างขึ้นมาเอง
แม้แพรภัทรจะยืนยันแบบนั้น แต่อิษฎาก็ยังเลือกที่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับรัญชน์รวิชญ์อยู่ดี เขาพูดขึ้นมาตอนที่เขากับรัญชน์รวิชญ์กำลังเก็บกระเป๋าของตัวเองอยู่ในห้องพักก่อนจะออกไปเช็กเอาต์ อิษฎายังจะพักอยู่ที่นี่ต่อแต่ต้องย้ายห้อง ส่วนรัญชน์รวิชญ์จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ พร้อมทีมงานในวันนี้เลย
แล้วทันทีที่รัญชน์รวิชญ์รู้ว่าอิษฎาพูดเรื่องทั้งหมดให้แพรภัทรฟังเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตกใจและโกรธจะเป็นจะตาย
“นายไปบอกเขาทำไม ถึงฉันไม่ได้ห้ามแต่นายก็ต้องรู้สิว่าไม่ควรพูด!”
“ผมรู้ครับว่าพี่รันคงไม่อยากให้บอกพี่แพร แต่ว่ามันไม่ยุติธรรมเลยนะครับที่เราไปสงสัยเขาแบบนั้นโดยที่เขาไม่รู้ตัวและไม่มีสิทธิ์อธิบาย”
“แล้วปกตินายรักความยุติธรรมขนาดนั้นเลยเหรอ!?”
“…”
“นายจงใจใช้เรื่องนี้เบี่ยงเบนความรู้สึกเขามากกว่า เพราะไม่งั้นเขาก็คงไม่ยอมกลับมาคุยด้วยง่ายๆ แล้วก็คงเกลียดขี้หน้านายตลอดไป นายแค่ฉวยโอกาสใช้เรื่องนี้บังหน้าเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง เพราะนายอยากคืนดีกับเขา”
อิษฎาอ้าปากค้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเก้อเขินเมื่อโดนอีกฝ่ายรู้ทัน หากก็มิได้รู้สึกผิดแต่อย่างใด เพราะเขาไม่เห็นว่ารัญชน์รวิชญ์จะเสียหายอะไรสักเท่าไหร่จากเรื่องดังกล่าว