ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา
ทดลองอ่าน ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา เล่ม 1 บทที่ 9 – 10
มู่หวาฮุยเห็นใบหน้าน้อยๆ ของเมิ่งถังซีดเผือด หน้าผากมีเหงื่อเย็นซึมออกมา แก้มขวายังมีโลหิตสีแดงอมดำหยดหนึ่งกระเซ็นมาติดอยู่
มู่หวาฮุยแม้จะรักสะอาด แต่ยังคงยื่นชายแขนเสื้อมาเช็ดโลหิตหยดนั้นออกไป
“เจ้าทำได้ดีมาก” เอ่ยพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะเมิ่งถังเบาๆ มู่หวาฮุยปลอบขวัญนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนนิ่งไปชั่วขณะ แล้วถามนาง “อยากได้อะไรเป็นรางวัล”
แต่ก่อนมู่หวาฮุยไม่รู้ว่าควรปฏิบัติต่อศิษย์น้องที่อายุน้อยกว่าตนมากคนนี้อย่างไร ต่อมาเห็นบิดามารดาคู่หนึ่งในแดนมนุษย์เอาอกเอาใจลูกของตน ร้องไห้แล้วก็ซื้อของขวัญให้ ทำดีก็ให้รางวัล ลูกก็ดีอกดีใจ
เขาก็รู้สึกว่าปฏิบัติต่อศิษย์น้องเช่นนี้ดีมาก
เพียงแต่เมื่อก่อนไม่ว่าเขาให้ของขวัญอะไรแก่ศิษย์น้อง ศิษย์น้องก็เอาแต่เฉยเมย ท่าทางเศร้าสร้อยไม่มีความสุข แต่พักหลังมานี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ต่อให้เขาเพียงมอบใบไม้ใบหนึ่งที่เก็บมาจากข้างทางให้ศิษย์น้อง ศิษย์น้องก็จะรับไปด้วยความดีอกดีใจ จากนั้นก็แย้มยิ้มจนนัยน์ตาเป็นรูปโค้งพลางขอบคุณเขา
ทุกครั้งในเวลาเช่นนั้น มู่หวาฮุยก็จะรู้สึกอ่อนละมุนในใจ ด้วยเหตุนี้ระยะหลังมานี้เขาจึงชอบที่จะมอบของขวัญให้เมิ่งถังอย่างมาก
แต่เมื่อครู่เมิ่งถังทำได้ดีมากจริงๆ สมควรได้รับรางวัล นอกจากนี้เห็นชัดว่านางดูจะได้รับความตื่นตระหนกแล้ว
บนร่างของมู่หวาฮุยมีกลิ่นอายชวนพิสมัยอย่างหนึ่ง คล้ายกลิ่นสนหิมะในค่ำคืนที่มีหิมะ เย็นสดชื่นแต่ไม่หนาวยะเยือก เมิ่งถังชอบมาก
เวลานี้มู่หวาฮุยก็ยืนอยู่เบื้องหน้านาง มือของเขาวางอยู่บนเส้นผมของนาง กลิ่นคาวโลหิตทั่วบริเวณคล้ายถูกกลิ่นอายบนร่างของเขาทำให้จางไป ร่างที่ตึงเครียดแข็งขึงของนางก็คล้ายค่อยๆ ผ่อนคลายตามไปด้วย
“รางวัล” นางมองมู่หวาฮุย เอียงศีรษะน้อยๆ น้ำเสียงดูลังเล
“ใช่ รางวัล” เสียงของมู่หวาฮุยยิ่งนุ่มนวลมากขึ้น ในดวงตาดำสนิทลึกล้ำคู่นั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนละมุนละไม “ครั้งนี้ไม่ว่าเจ้าอยากได้สิ่งใดเป็นรางวัล ศิษย์พี่ก็จะไปหามาให้เจ้า”
นับวันศิษย์พี่ยิ่งดีต่อนางมากขึ้น
ทว่าในแหวนเก็บทรัพย์ของนางมีของขวัญที่ศิษย์พี่มอบให้มากมายแล้ว ไม่ว่าอะไรก็มี พูดได้ว่าเวลานี้สิ่งใดนางก็ไม่ขาดแคลน
ถ้าจะบอกว่ามีของอะไรที่นางอยากได้เป็นพิเศษ…
เมิ่งถังเงยหน้า ใบหน้าน้อยๆ ที่ยังคงซีดขาวเต็มไปด้วยความจริงจัง
“ศิษย์พี่ ครั้งนี้ข้าไม่อยากได้รางวัล ข้าต้องการคำมั่นสัญญาจากท่าน ท่านจะรับปากข้าได้หรือไม่”
มู่หวาฮุยไม่เคยเห็นนางมีสีหน้าเช่นนี้มาก่อน ในใจอดรู้สึกประหวั่นไม่ได้
“คำมั่นสัญญาอันใด”
เมิ่งถังกำลังจะเอ่ยปาก พลันได้ยินเสียงแหวกอากาศดังขึ้น มองตามเสียงไปก็เห็นคนสองคนกำลังขี่กระบี่เร่งรุดมาทางด้านนี้
หลังจากเห็นชัดว่าคนทั้งสองคือใคร เมิ่งถังก็ไม่รู้ควรพูดว่าช่างบังเอิญ หรือควรจะบอกว่าเป็นวิญญาณที่ตามติดไม่เลิกดี
เพราะคนสองคนที่มาก็คือหลิงซิงเหยากับอวิ๋นชูเยวี่ยที่นางไม่อยากพบเจอ
หลิงซิงเหยายังคงวางท่าหยิ่งผยอง หน้าตาเหมือนคนทั้งโลกติดค้างเงินเขาอยู่เช่นนั้น ส่วนอวิ๋นชูเยวี่ยหลังจากลงสู่พื้นเห็นสภาพการต่อสู้นองโลหิตบนพื้นเต็มไปด้วยร่างที่แขนขาด ขาขาด ไร้ศีรษะ ใบหน้างามก็ถอดสีทันที ก้มเอวลงโก่งคอขย้อน ย่อมไม่มีอะไรออกมา หลังจากหายจากอาการคลื่นไส้ นางก็เอ่ยถามด้วยใบหน้าซีดขาว เสียงสั่น “ศิษย์…ศิษย์พี่ใหญ่ นี่…นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใด…เหตุใดจึงมีโลหิตเต็มพื้นไปหมด”
พลันเห็นในมือเมิ่งถังยังกุมกระบี่อู๋จี๋อยู่ บนตัวกระบี่ที่ขาวดุจหิมะยังมีคราบโลหิตสีแดงฉานติดอยู่
กระทั่งยังมีคราบโลหิตที่ยังไม่แห้งหยดหนึ่งไหลลงมาตามปลายกระบี่และหยดลงพื้น
“ศิษย์พี่เมิ่ง นี่ เหล่านี้ท่านล้วนเป็นคนสังหารหรือ”
พูดจบนางก็ยกมือขึ้นอุดปาก สองตาเบิกกว้าง ถอยหลังไปสองก้าว มองเมิ่งถังด้วยสีหน้าหวาดผวา
เมิ่งถังคิด เข้าใจได้ ตั้งแต่เล็กนางก็ถูกคนประคับประคองไว้ในฝ่ามือเลี้ยงดูอย่างพะเน้าพะนอจนเติบใหญ่ ไม่เคยเห็นภาพที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตเช่นนี้ ไม่อาจยอมรับได้ในเวลาอันสั้น รู้สึกหวาดกลัวก็เป็นเรื่องปกติ แต่ขอร้องล่ะ เจ้าอย่าได้ใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดกับข้าจะได้หรือไม่ อีกอย่างอย่าใช้สายตาเช่นนั้นมองข้า
ทำเอาข้าเหมือนเป็นจอมวิปริตที่สังหารคนอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้น
เมิ่งถังไม่สนใจนาง และไม่ได้อธิบายอะไรกับอีกฝ่าย จะเข้าใจผิดก็เข้าใจผิดเถิด นางไม่ใส่ใจ
นางก้มหน้า ยกมือสะบัดกระบี่อู๋จี๋ สะบัดให้คราบโลหิตที่ติดอยู่บนตัวกระบี่หลุดออกไป
ครั้นนึกได้ว่ามู่หวาฮุยรักสะอาด จึงย่อตัวลงคว้าหิมะที่สะอาดบนพื้นขึ้นมากำหนึ่งแล้วเช็ดไปที่ตัวกระบี่หลายครั้ง
กระบี่อู๋จี๋ที่เมื่อครู่ถูกบังคับให้ต้องเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตของมารอสูร มาบัดนี้ยังมาถูกหิมะที่เย็นยะเยือกเช็ดถูไปมาอีก…
นายท่านออกจะเกินไปแล้ว!
มันเป็นกระบี่คู่กายของนายท่านชัดๆ ปกติเวลาขี่กระบี่เหาะไปมาชอบพาเมิ่งถังไปด้วย ให้นางยืนอยู่บนตัวกระบี่ของตนก็แล้วไปเถิด เมื่อครู่เพราะเหตุใดนายท่านจึงโยนมันให้เมิ่งถังใช้อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
แต่มันถูกนายท่านควบคุมไว้ คิดจะทักท้วงก็ทำไม่ได้
ประเด็นสำคัญก็คือให้เมิ่งถังใช้แล้วก็ใช้ไป แต่ช่วงเวลาหลายปีที่มันอยู่กับมู่หวาฮุยมา มู่หวาฮุยจะกรอกปราณวิเศษไว้บนตัวกระบี่ของมัน จากนั้นเพียงกวัดแกว่งก็จะมีไอกระบี่ คมกระบี่ มันไม่เคยต้องสัมผัสศัตรูในระยะใกล้เลย
แต่เมื่อครู่…
ดูเหมือนจนถึงตอนนี้มันก็ยังรู้สึกได้ถึงความเหนียวหนืดตอนที่ตัวของมันแทงเข้าไปในเนื้อ
ไม่ได้ คราวหน้าถ้านายท่านยังเอามันให้เมิ่งถังยืมสังหารศัตรูอีก มันจะต้องประท้วงไม่ทำตามเด็ดขาด
เมิ่งถังเช็ดล้างกระบี่อู๋จี๋อย่างละเอียดจนสะอาด จากนั้นก็ส่งคืนให้มู่หวาฮุย
มู่หวาฮุยกับอู๋จี๋จิตใจเชื่อมโยงถึงกัน มีหรือจะไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจมันคิดเช่นไร
หลุบตาลงกวาดมองอู๋จี๋แวบหนึ่ง พลันเกิดพลังคุกคามขึ้น
อู๋จี๋ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาทันที จากนั้นก็เริ่มประนีประนอมอ่อนข้อให้เงียบๆ
อืม หาไม่คราวหน้าถ้านายท่านเอามันให้เมิ่งถังยืมสังหารศัตรูอีกก็เชื่อฟังแต่โดยดีเถิด
เพียงหวังว่าเมิ่งถังจะพลังวัตรเพิ่มพูนโดยเร็ว สามารถสร้างไอกระบี่ คมกระบี่เช่นนายท่านได้จึงจะดี