ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง
ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 125
เนื่องจากคดีโรงงานผลิตยาตงย่าเมื่อปีกลายเป็นผลมาจากความชั่วร้ายเหลือทนของมนุษย์จนสร้างความโกรธแค้นให้กับผู้คน เวลานั้นอู๋ชิงเฮ่อหายตัวไปจนเกิดข้อสันนิษฐานว่าอาจโดนทางโรงงานฆ่าปิดปากไปแล้ว ทำให้เขาได้รับความเห็นอกเห็นใจจากสังคมอย่างล้นหลาม เพียงแต่หาเบาะแสไม่ได้และไม่พบศพ เรื่องนี้จึงค่อยๆ เงียบหายไป ตอนนี้พอกลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาถึงได้รับความสนใจอีกครั้งทันควัน ถึงขั้นที่วันถัดมามีหนังสือพิมพ์ลงรายงานจากแหล่งข่าวที่เป็น ‘อดีตเพื่อนร่วมงาน’ ในโรงงานซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม เล่าทบทวนความทรงจำให้ฟังว่าตอนเดือนสิบปีที่แล้ว มีคืนหนึ่งทำงานผลัดดึก เขาออกไปเข้าห้องน้ำแล้วมองเห็นจากไกลๆ ว่ามีคนงานของโรงงานสองสามคนแบกของคล้ายจะเป็นถุงกระสอบใบหนึ่งไปทางบ่อน้ำเสียด้านหลัง หลังจากวันนั้นอู๋ชิงเฮ่อซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนาในขณะนั้นก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย ว่ากันว่าอู๋ชิงเฮ่อลาออกกลับบ้านเดิมไปแล้ว ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมาก ต่อมาภายหลังเกิดเรื่องขึ้นกับโรงงาน เขาคิดขึ้นมาแล้วก็สงสัยอยู่ในใจ แต่กลัวจะเดือดร้อนเลยไม่กล้าบอกใครเรื่อยมาจนกระทั่งวันนี้ ถึงรวบรวมความกล้าพูดออกมาในที่สุด
แต่กระนั้นหลังจากนายแพทย์ที่กรมตำรวจเมืองเทียนเชิญมาตรวจสอบร่างไร้วิญญาณที่โดนน้ำเสียกัดกร่อนจนแทบจะเหลือแต่กระดูก เทียบกับข้อมูลเอกลักษณ์บุคคล เช่น ส่วนสูง ที่ได้รับจากเพื่อนร่วมงานสมัยเขายังมีชีวิตอยู่แล้ว ลงความเห็นว่าไม่ใช่อู๋ชิงเฮ่อ
เมื่อประกาศข่าวออกมา ทุกแวดวงสังคมไม่ยอมรับผลสรุปนี้ เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ มีบางคนตั้งข้อกังขาว่าผลชันสูตรเป็นใบสั่งจากกรมตำรวจ บางคนก็ติติงว่าหมอไร้ฝีมือ เสนอให้เชิญนักเรียนแซ่ซูในวิทยาลัยแพทย์ทหารบกที่มีชื่อเสียงทางด้านนี้เมื่อพักก่อนมาเข้าร่วมการชันสูตรศพ วันเดียวกันมีนักข่าวจำนวนมากไปหานักเรียนแซ่ซูถึงที่วิทยาลัย ถึงขั้นตามไปถึงบ้านในเมืองที่เขาเช่าเอาไว้
แต่น่าเสียดายที่หลายวันนี้นักเรียนคนนี้ไม่อยู่เมืองเทียน
ผู้อำนวยการเหอต้องออกโรงอธิบายว่าเขากับเพื่อนร่วมงานในห้องปฏิบัติการคนหนึ่งไม่พอใจกับประสิทธิภาพของตู้อบแห้งที่มีอยู่ จึงเดินทางไปเมืองอื่นเพื่อหาแหล่งผลิตเครื่องมือที่คุณภาพดีกว่าด้วยกัน พวกนักข่าวถึงได้กลับไป
ในเวลาเดียวกัน เมื่อเหตุการณ์ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว เริ่มมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการสืบหาผู้อยู่เบื้องหลังของโรงงานผลิตยาในตอนนั้นที่จบไปแบบรวบรัดตัดความ วันต่อมาก็เกิดข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่ว ชี้เป็นนัยๆ ไปที่หวังเซี่ยวคุน
ครั้นเรื่องบานปลายใหญ่โต ท่านประธานาธิบดีไม่รอช้า ออกคำสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติในเมืองหลวงรับไม้ต่อทำคดีนี้ และมอบหมายให้มิสเตอร์ไรอัน นายแพทย์ชาวอังกฤษและแพทย์นิติเวชของสก็อตแลนด์ยาร์ดที่ขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเชิญมาเป็นที่ปรึกษาพิเศษคนนั้นมาทำการตรวจสอบศพในเมืองเทียนอีกครั้งหนึ่ง
การชันสูตรพลิกศพเปิดให้พวกนักข่าวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นประจักษ์พยาน หลังมิสเตอร์ไรอันตรวจดูแล้วแถลงว่าศพนี้ไม่มีทางเป็นอู๋ชิงเฮ่อ และตามประสบการณ์ของเขาวินิจฉัยได้ว่ามีความเป็นไปได้มากที่จะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ในตอนนี้เองมีคนงานหญิงที่เมื่อก่อนเคยทำงานตรงบ่อน้ำเสียในโรงงานอีกคนก็ออกมายืนยันว่าปีที่แล้วมีคนงานหญิงที่สนิทกับเธอพอสมควรคนหนึ่งลาออกกะทันหัน ตอนนั้นเธอนึกว่าอีกฝ่ายจากไปโดยไม่ลาเพราะทนงานที่สกปรกเลอะเทอะไม่ไหว เวลานี้ดูท่าว่าน่าจะไม่ระวังพลัดตกลงไปจมน้ำตายตอนทำงานคนเดียว
เริ่มจากคำรับรองของที่ปรึกษาต่างชาติก่อน ต่อด้วยคำให้การของพยานที่เป็นคนงานหญิงในโรงงาน ไม่ว่าชาวบ้านชาวเมืองจะถกเถียงกันอย่างไร คดีศพในบ่อน้ำเสียของโรงงานผลิตยาตงย่าที่โด่งดังครึกโครมก็ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการตามนี้ คือโครงกระดูกเป็นของคนงานหญิงที่เคยทำงานที่นี่ที่ไม่ระวังพลัดตกลงไปตายในบ่อน้ำเสีย ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับอู๋ชิงเฮ่ออดีตผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนาของโรงงานผลิตยาคนนั้น
ฉะนั้นยังคงไม่รู้ว่าอู๋ชิงเฮ่อเป็นหรือตาย หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือเขาอาจยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ก็ได้
ในเมื่ออาจจะยังมีชีวิตอยู่ ทางกรมตำรวจย่อมไม่รับคำขอให้เปิดคดีสืบสวนขยายผลเบื้องหลังการตายของเขาไว้เป็นธรรมดา
หลังจากติงชุนซานส่งซูเสวี่ยจื้อกลับถึงวิทยาลัย เขาไม่ได้กลับไปทันที บอกเธอว่าขณะนี้ด็อกเตอร์อวี๋รอเธออยู่ในห้องปฏิบัติการ
ภายในบริเวณวิทยาลัยยามกลางดึก นอกจากทางฝั่งอาคารเรียนกับหอพักที่ยังเปิดไฟตามทางเดินให้ความสว่างหลายดวง จุดอื่นๆ ล้วนมืดสนิท
หญิงสาวมาถึงห้องปฏิบัติการเงียบๆ พร้อมกับติงชุนซาน เธอเห็นด็อกเตอร์อวี๋ในห้องเก็บตัวอย่าง
เขานั่งเหม่ออยู่บนพื้นจ้องมองลังไม้ใบหนึ่งข้างตัวอย่างเลื่อนลอย พอได้ยินเสียงเธอเดินเข้ามา ดวงตาที่มีเส้นเลือดฝอยขึ้นเต็มตาทั้งคู่ก็เหลือบขึ้นมอง เขาลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า พูดเบาๆ ด้วยสุ้มเสียงแหบแห้งว่า “เสี่ยวซู รบกวนคุณช่วยผมตรวจพิสูจน์ทีว่าเป็นชิงเฮ่อหรือเปล่า”
เขาเปิดฝาลังไม้ออก ในนั้นใส่เศษกระดูกไว้
น้ำเสียในโรงงานผลิตยามีความเป็นกรดสูงมาก อีกทั้งผ่านมานานครึ่งปีเศษแล้วจึงเหลือเพียงซากกระดูกผุกร่อนอย่างรุนแรงกองหนึ่ง ตอนที่พบมันเมื่อหลายวันก่อน พอจับก็หักทันที ไม่เพียงแตกละเอียด ส่วนใหญ่ยังมีชิ้นส่วนไม่ครบด้วยซ้ำ
ซูเสวี่ยจื้อหยิบเครื่องมือแล้วสวมเสื้อคลุมกับถุงมือ หยิบเศษกระดูกในลังไม้ออกมาทีละชิ้น วางเรียงกันบนโต๊ะยาวที่ปูผ้าสักหลาดไว้
ไม่นานนักเธอก็นำเศษกระดูกในลังไม้ทั้งหมดจัดเรียงตามตำแหน่งเดิมออกมาเป็นโครงกระดูกมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ครบถ้วน
เธอตรวจสอบสาเหตุการตายก่อน ตรงส่วนหัวกะโหลกกับเศษกระดูกจุดอื่นไม่พบร่องรอยเสียหายที่หลงเหลือจากการยิงด้วยอาวุธปืนหรือโดนตีด้วยของแข็ง
สันนิษฐานได้ว่าสภาพก่อนจมน้ำตายน่าจะขาดอากาศหายใจจากการบีบรัดหรือโดนทำร้ายร่างกายที่ไม่กระทบกระเทือนถึงกระดูก
ซูเสวี่ยจื้อไม่ได้เอ่ยถึงจุดนี้กับด็อกเตอร์อวี๋ เธอตรวจดูกระดูกเชิงกราน กระดูกปีกสะโพก กระดูกขากรรไกรล่าง แนวสันกราม สุดท้ายคำนวณอายุจากพื้นที่ข้อต่อของกระดูกหัวหน่าวแล้วพูดว่า “เป็นเพศชาย อายุราวสี่สิบกว่าครับ”
ด็อกเตอร์อวี๋หลับตาลง
หลังยืนยันเพศและอายุได้แล้ว เธอกะประมาณส่วนสูงคร่าวๆ จากความยาวรวมของโครงกระดูก ค่อยเอาความยาวของกระดูกต้นขากับกระดูกแข้งที่วัดได้มาคำนวณซ้ำอีกที ก่อนจะบอกว่า “ส่วนสูงอยู่ที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเซนติเมตรบวกลบ คลาดเคลื่อนไม่เกินหนึ่งเซนติเมตรครับ”
ด็อกเตอร์อวี๋มองโครงกระดูกที่มีรอยผุกร่อนเป็นจุดๆ ใต้แสงไฟ พูดเสียงสั่นเครือ “ใช่แล้ว ชิงเฮ่อก็สูงเท่านี้”
“คุณลองทบทวนความทรงจำดูว่าบนตัวเขายังมีจุดตำหนิอย่างอื่นอีกไหมครับ เป็นต้นว่าเมื่อก่อนเขาเคยกระดูกหักหรือเปล่า” แม้จะมีโอกาสสูงมากว่าโครงกระดูกนี้น่าจะเป็นอู๋ชิงเฮ่อ แต่เพื่อความรอบคอบซูเสวี่ยจื้อยังถามย้ำอีกที
ด็อกเตอร์อวี๋นิ่งคิดครู่หนึ่ง “ช่วงครึ่งปีแรกของปีก่อน เขาหกล้มแข้งซ้ายหัก หลังจากหายเป็นปกติเขาเคยบ่นกับผมว่าเจอหมอไม่เก่ง หลังลงจากเตียงได้รู้สึกไม่ค่อยดี มักมีอาการเจ็บตึงบ่อยๆ”
ภายในหนึ่งถึงสองปีน่าจะยังมีรอยกระดูกอ่อนที่งอกมาเชื่อมกันอยู่ ซูเสวี่ยจื้อตรวจดูกระดูกหน้าแข้งซ้ายของโครงกระดูก แต่เพราะผุกร่อนอย่างรุนแรง เธอสุดปัญญาจะวินิจฉัยจุดนี้ได้อย่างมั่นใจ