ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง
ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 129
หลายปีมานี้แม้มีเรื่องบางเรื่องไม่เคยพูดออกจากปาก แต่นายหญิงคงจะรู้เหมือนกันว่าพ่อบ้านอย่างเขาคงจะบังเอิญรู้อะไรได้เลาๆ โดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นถึงได้มอบหมายงานแบบนั้นให้กับเขา
ระหว่างที่รอผู้เป็นนายเรียกตัว เขานั่งอยู่หน้าตะเกียงน้ำมันก๊าดในห้อง ฟังเสียงสายฝนพร่างพรมลงบนต้นไม้ใบหญ้ายามค่ำคืนในลานเรือนพลางเริ่มจมจ่อมอยู่ในภวังค์
เขาแซ่ซู เป็นญาติห่างๆ ของสกุลซู แล้วเหตุใดชาวสกุลซูอย่างเขาถึงกลายเป็นคนสนิทของเยี่ยอวิ๋นจิ่นไปได้ พูดขึ้นมาก็ต้องเท้าความกันยาว
สมัยก่อนโน้นเขาเป็นลูกจ้างอยู่ในร้านขายยาของสกุลซู เพราะทำงานขยันขันแข็ง เป็นคนซื่อตรง ซ้ำยังคิดบัญชีได้ นายท่านใหญ่ของสกุลซูถูกใจเขา จึงย้ายเขาไปเป็นผู้ดูแลในห้องบัญชีอยู่หลายปี แต่กลับเป็นเหตุให้หัวหน้าพ่อบ้านในตอนนั้นอิจฉาริษยา ภายหลังรวมหัวกับลูกน้องที่เป็นลูกจ้างในร้านปรักปรำใส่ความว่าเขายักยอกเงินจากบัญชี
เวลานั้นนายท่านใหญ่ล้มป่วยจนเริ่มสติเลอะเลือนจึงหลงเชื่อว่าเป็นความจริง ซูจงหมดทางแก้ตัว จวนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลรอมร่อ เยี่ยอวิ๋นจิ่นที่เพิ่งแต่งเข้าสกุลซูได้ปีเดียวในตอนนั้นก้าวออกมาสืบหาความจริง ช่วยล้างมลทินให้เขา
ที่แท้ก็เป็นลูกไม้ของพวกโจรที่ร้องให้จับโจร* นั่นเอง
แม้ว่าหัวหน้าพ่อบ้านคนนี้จะเป็นคนเก่าแก่ของสกุลซู แต่ช่วงหลายปีนั่นหัวหน้าตระกูลล้มป่วย คุณชายซูหมิงเซิ่งไม่มีหัวการค้าอยู่เป็นทุนเดิม ส่วนนายหญิงน้อยเยี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยังอายุน้อย อีกทั้งเป็นผู้หญิง เขาย่อมไม่เห็นอยู่ในสายตาเป็นธรรมดา จึงอาศัยที่ตนเองดูแลร้านขายยามาหลายปีเป็นช่องทางแอบยักยอกเงินของนายท่านใหญ่ ซ้ำยังโยนความผิดให้ซูจง
หลังจากไล่หัวหน้าพ่อบ้านออกไปแล้วเยี่ยอวิ๋นจิ่นซึ่งได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลเต็มตัวก็ให้ซูจงรับผิดชอบงานสำคัญๆ
ดังคติที่ว่าใครดีจงดีตอบ ใครชอบจงตอบแทน นับแต่นั้นเป็นต้นมาซูจงก็ซื่อสัตย์ภักดีต่อเธอด้วยความสำนึกในบุญคุณ
ในสายตาของซูจง นายห้างหญิงเยี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นคนฉลาดเก่งกาจและเข้มแข็งไม่แพ้ผู้ชาย
ตั้งแต่เธอแต่งเข้าสกุลซูจนบัดนี้เป็นเวลาเกือบสามสิบปีแล้ว ต่อให้ตอนนายท่านใหญ่เพิ่งจากไปแล้วสกุลซูตกอับซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดหลายปีนั่น ไม่ว่าอยู่ต่อหน้าหรือลับหลังคนอื่นซูจงก็ไม่เคยเห็นเธอหลั่งน้ำตามาก่อน
เพราะเหตุนี้นี่เอง ครั้งเดียวในชีวิตของซูจงที่พบเห็นเธอควบคุมอารมณ์ไม่อยู่โดยไม่ตั้งใจ จึงทำให้เขาจดจำฝังใจจนลืมไม่ลงถึงทุกวันนี้
จนกระทั่งเวลานี้พอเขาคิดขึ้นมาก็ยังรู้สึกสับสนวุ่นวายใจอยู่ดี ถึงขั้นไม่กล้าคิดต่อให้ลึกลงไป
เหตุผลที่เขาไม่กล้าคิดต่อ เพราะตอนที่เขาบังเอิญไปเจอนายหญิงควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ก็เกี่ยวข้องกับจ้าวมังกรเจิ้งนั่นเอง
ขณะนั้นเยี่ยอวิ๋นจิ่นยังอยู่ในวัยสิบเก้าปีเท่านั้น เธอเพิ่งแต่งเข้าสกุลซูเพียงสองสามปี ส่วนจ้าวมังกรเจิ้งก็ยังไม่ได้เป็นจ้าวมังกรเจิ้งอย่างตอนนี้ ยามนั้นเขาเป็นแค่หัวหน้าลูกเรือคนหนึ่งบนเรือแดงกู้ภัยที่ก่อตั้งขึ้นโดยทางการ
ส่วนว่านายหญิงกับจ้าวมังกรเจิ้งรู้จักกันได้อย่างไรกันแน่นั้น ภายนอกมีเสียงเล่าลือกันไปต่างๆ นานาจนถึงทุกวันนี้ อันที่จริงเรื่องนี้ไม่มีใครแจ่มแจ้งดีไปกว่าซูจงอีกแล้ว
ปีแรกที่เยี่ยอวิ๋นจิ่นแต่งเข้าสกุลซู ซูหมิงเซิ่งสามีของเธอก็หอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กับภรรยาลับนอกบ้านไม่ยอมกลับมา ทิ้งธุระไม่สนใจเรื่องกิจการการค้าของสกุลซู
ทุกปีมณฑลยูนนาน กุ้ยโจว และเสฉวนจะจัดงานชุมนุมผู้ค้าสมุนไพรสองครั้งในฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง มีพ่อค้าจากทั่วประเทศมารวมตัวกันอย่างคับคั่ง ถือเป็นงานสำคัญมาก พอถึงงานชุมนุมผู้ค้าสมุนไพรประจำฤดูใบไม้ผลิของปีนั้น เยี่ยอวิ๋นจิ่นไปขอร้องสามีให้กลับมาแล้วพาคนไปร่วมงานนี้ด้วยตนเอง เขากลับหัวเราะเยาะเธอว่าในเมื่อนายท่านใหญ่อุตส่าห์หาภรรยาเท้าใหญ่ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวได้ให้เขาแล้ว อย่างนั้นก็ให้เธอไปแทนแล้วกัน
งานชุมนุมผู้ค้าสมุนไพรประจำฤดูใบไม้ผลิจัดขึ้นที่อีกเมืองหนึ่ง เดินทางไปกลับต้องใช้เวลาสองเดือน ตอนนั้นสมาคมชาวน้ำกำลังเกิดศึกภายในจนกลายเป็นเสือกระดาษ ส่งผลให้ตามแม่น้ำชุกชุมไปด้วยโจรผู้ร้าย ขนาดพวกชาวเรือออกจากบ้านยังต้องจ้างผู้คุ้มกันความปลอดภัย
เยี่ยอวิ๋นจิ่นในวัยสิบเจ็ดปีกัดฟันจ้างคนแล้วไปงานชุมนุมผู้ค้าสมุนไพรประจำฤดูใบไม้ผลิด้วยตนเอง
ครั้งนั้นซูจงร่วมเดินทางไปด้วย ระหว่างทางเรือของพวกเขาพบคนบาดเจ็บลอยคออยู่ในแม่น้ำ ดูจากเครื่องแต่งกายคล้ายเป็นลูกเรือบนเรือแดง
ในสมัยนั้นเรือแดงของทางการก็แบ่งพรรคแบ่งพวกกัน พวกลูกเรือมักมีเรื่องทะเลาะต่อยตีกันเป็นประจำ
คนคนนั้นดูท่าทางเหมือนโดนมีดฟันแล้วตกน้ำ เหลือแค่ลมหายใจรวยรินใกล้จะประคองตัวไม่อยู่ จวนเจียนจมน้ำรอมร่อ พ่อบ้านที่ติดตามมาของสกุลซูกลัวจะเดือดร้อน ไม่อยากช่วยคน แต่เยี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เห็นด้วย เธอยืนกรานให้พาตัวคนคนนั้นขึ้นมาบนเรือ
คนเจ็บที่ตกน้ำก็คือหวังหนีชิว หลังเขาถูกช่วยชีวิตไว้ผ่านไปสองสามวันหัวหน้าลูกเรือของเรือแดงคนหนึ่งได้ข่าวก็มารับพี่น้องร่วมสาบานกลับไป
หัวหน้าลูกเรือคนนี้ก็คือจ้าวมังกรเจิ้งในภายหลัง เยี่ยอวิ๋นจิ่นกับจ้าวมังกรเจิ้งจึงรู้จักกันด้วยเหตุฉะนี้นี่เอง เพื่อตอบแทนบุญคุณที่เธอช่วยพี่น้องของเขาไว้ เขานำพรรคพวกมาช่วยคุ้มกันเธอตอนขากลับด้วยตนเอง
หลังจากครั้งนั้นงานชุมนุมผู้ค้าสมุนไพรในฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงอีกหลายต่อหลายครั้งเยี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นคนไปเองตลอด จ้าวมังกรเจิ้งก็ช่วยคุ้มครองตามเส้นทางน้ำทั้งขาไปขากลับด้วยตนเองเสมอ เรือของสกุลซูถึงปลอดภัยไม่พบกับเหตุร้ายใดๆ อีกเลย
แต่ก็มีข่าวลือแพร่ออกไปด้วย
ซูหมิงเซิ่งซึ่งอยู่ข้างนอกได้ยินเสียงนินทาว่านายหญิงน้อยที่ทั้งสาวทั้งสวยของตระกูลคนนั้นเป็นชู้กับหัวหน้าลูกเรือของเรือแดงแซ่เจิ้ง เขากลับมาที่บ้านอย่างเดือดดาล