จ้าวมังกรเจิ้งนิ่งเงียบไปในทีแรก
บนเรือกลางสายน้ำราตรีนั้น เขาลองหยั่งเชิงนิดเดียว เฮ่อฮั่นจู่ก็สารภาพความจริงว่ามีความสัมพันธ์กับลูกสาวเขาถึงขั้นไหนแล้ว
เอาเป็นว่าที่ควรทำและไม่ควรทำ เจ้าหนุ่มมือไวใจเร็วนั่นก็ทำไปหมดแล้ว
จ้าวมังกรเจิ้งอดยอมรับไม่ได้ว่าถึงตอนนี้แล้วเขาก็ยังบ่งหนามตำใจออกไม่หมดเหมือนหัวอกคนเป็นแม่
พอนึกถึงเรื่องนี้เขาก็โกรธเคืองไม่หาย ครั้นตอนนี้เห็นเยี่ยอวิ๋นจิ่นตำหนิตนเองแบบนี้ เขารู้สึกสงสารเหลือทน กำลังจะเอ่ยปากพูดต่อ เธอก็ฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นได้อีก
ปีที่แล้วนี่เอง ในบ้านญาติที่อยู่อำเภอติดกันของอาหกสกุลซูมีลูกสาวคนหนึ่งเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว ลือกันว่าเธอคบชู้กับคนรับใช้ในบ้านสามีจนท้องโต กลัวถูกคนจับได้เลยซื้อยาขับเลือดมาคิดจะเอาเด็กออก แต่โชคร้ายมีอาการตกเลือดจนเสียชีวิตในวันเดียวกัน…
ดวงตาทั้งคู่ของเยี่ยอวิ๋นจิ่นนิ่งขึงไป หัวใจเต้นตึกตักๆ เธอหมดแก่ใจด่าใครแล้ว ผละจากจ้าวมังกรเจิ้ง หันหลังจะเดินออกไปอย่างเร่งร้อน แต่เพิ่งก้าวขาออกไปเท้าก็เหยียบถูกชายเสื้อคลุม ทำให้ตัวเซเกือบล้มลง
ฝ่ามือแกร่งผอมเกร็งสากด้านดุจกระดาษทรายข้างหนึ่งยืนมาประคองเธอไว้
“เธอจะไปไหน”
เยี่ยอวิ๋นจิ่นไม่มองเขาสักแวบเดียว เธอไม่กล้าทำเสียงดังเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงกระชากกระชั้น “คิดว่าฉันจะไปที่ไหนล่ะ เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นแล้ว ฉันก็ต้องรีบไปรับลูกสาวฉันกลับมาทันทีน่ะสิ ฉันจะปล่อยให้คนอื่นเหยียบย่ำลูกแบบนี้ไม่ได้”
จ้าวมังกรเจิ้งเห็นหน้าตาเยี่ยอวิ๋นจิ่นขาวซีด และเห็นชัดว่าจิตใจเธอว้าวุ่นสับสนอยู่ นิ้วมือทั้งห้าที่พยุงแขนเธอไว้ไม่คลายออก ออกแรงเพียงเล็กน้อยดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ จากนั้นกดสองบ่าของเธอลงเบาๆ
เยี่ยอวิ๋นจิ่นล้มลงนั่งบนเก้าอี้ที่เขานั่งเมื่อครู่นี้อย่างขัดขืนไม่ได้
“อย่าเพิ่งใจร้อน ฉันยังพูดไม่จบ…”
เยี่ยอวิ๋นจิ่นร้อนใจดุจไฟลน อยากติดปีกบินไปเมืองเทียนเดี๋ยวนี้ใจจะขาด พอเห็นเขายังทำท่าเอื่อยเฉื่อยไม่รู้ร้อนรู้หนาวสักนิดก็โกรธจนควันออกหู เธอผลักไสเขาพลางก่นด่าอย่างอดรนทนไม่ไหวอีก
“คนแซ่เจิ้ง! คุณมันแก่แล้วไม่เอาไหน! ไม่มีปัญญาทำอะไรคนแซ่เฮ่อได้ อยากทำตัวเป็นเต่าหดหัวในกระดอง ฉันก็ไม่บังคับคุณ แต่อย่างไรเสวี่ยจื้อก็เป็นลูกสาวคุณ คุณไม่สนใจว่าลูกจะเป็นหรือตายก็ช่าง ยังจะไม่ให้ฉันไปรับลูกกลับมาอีกหรือ”
สีหน้าของจ้าวมังกรเจิ้งเรียบสนิทดุจผิวน้ำนิ่งดังเก่า “ตอนนั้นฉันคุยเรื่องเสวี่ยจื้อกับเขาแล้ว”
เยี่ยอวิ๋นจิ่นชะงักกึก เงยหน้าขึ้นเบิ่งตาโต “พูดว่าอย่างไร บอกมาเร็วเข้า”
เขาอธิบายต่อ “อวิ๋นจิ่น ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ฉันบอกเธอตอนนี้ได้อย่างไม่มีปัญหาแล้ว เมื่อก่อนฉันเป็นนักโทษที่ราชสำนักชิงออกประกาศตามจับมาโดยตลอด แล้วก็มีกรุซ่อนสมบัติจำนวนไม่น้อยก้อนหนึ่งด้วย”
จ้าวมังกรเจิ้งเห็นเยี่ยอวิ๋นจิ่นมองเขาอย่างตกใจก็ยกยิ้มบางๆ
“พูดไปแล้วเรื่องมันยาว ไว้วันหลังสะดวกๆ ถ้าเธอยังอยากรู้ค่อยเล่าอย่างละเอียดอีกทีก็ยังไม่สาย ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอดี หลานชายสกุลเฮ่อแบกความแค้นของตระกูลไว้ นอกจากตัวเขาเองอยากแก้แค้นแล้ว ศัตรูที่หมายหัวเขาก็ต่อแถวยาวเหยียดรออยู่”
เยี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบรัด