บทที่ 184
คนสวมหมวกดำพาลูกน้องวิ่งตรงดิ่งขึ้นไปถึงชั้นหก แต่หลังค้นหาตามจุดต่างๆ ตั้งแต่ระเบียงทางเดินตลอดจนห้องเก็บของรวมจนทั่วทุกที่แล้วกลับไม่เห็นวี่แวว เขาจึงแบ่งกำลังคนเป็นสองกลุ่ม โดยให้กลุ่มหนึ่งขึ้นไปค้นหาข้างบน อีกกลุ่มลงไปค้นหาข้างล่าง ออกตามหาไปทีละชั้นจนครบหมด แต่ก็ยังคงไม่พบร่องรอยใด
ตอนนี้เองลูกน้องอีกสองสามคนของเขาก็มารายงานอีกว่าไปหาที่ห้องโถงจัดงานแต่งงานรวมถึงห้องพักผ่อน ห้องน้ำ และห้องอื่นๆ หมดทุกห้องแล้วก็ไม่เจอตัว อีกทั้งคนที่เฝ้าประตูหน้ากับประตูหลังก็รายงานกลับมาว่าซูเสวี่ยจื้อไม่ได้ออกไปเลย ซึ่งเรื่องนี้ยืนยันได้แน่นอน
หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือเป็นไปได้มากว่าขณะนี้เขาน่าจะซ่อนตัวอยู่ในห้องพักห้องใดห้องหนึ่งของโรงแรม
ที่นี่มีห้องพักหลายร้อยห้อง ถึงการค้นห้องทั้งหมดจะเป็นงานหนักทว่ายังถือเป็นเรื่องรอง เพราะปัญหาใหญ่ที่สุดคือลูกค้าในคืนนี้ล้วนเป็นแขกจากต่างเมืองที่มาร่วมงานแต่งงาน คนเหล่านี้ถ้าไม่ใช่เศรษฐีก็เป็นคนใหญ่คนโตทั้งนั้น หากไม่ได้รับอนุญาต คนสวมหมวกดำก็ไม่กล้าตัดสินใจโดยพลการ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไปที่โถงด้านหน้าเชิญถงกั๋วเฟิงออกมาทันที หลังรายงานเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ทราบ ถงกั๋วเฟิงทั้งตกใจทั้งโมโห คนสวมหมวกดำลุกลนขอขมา บอกว่าตนเองทำงานบกพร่องและเสนอวิธีแก้ไข
“สบช่องงานแต่งงานยังไม่เลิก พวกแขกยังไม่กลับเข้าห้อง รีบเอากุญแจไปค้นเสียตอนนี้ จะได้ไม่ปล่อยให้เขาฉวยจังหวะแอบเข้าไปซ่อนในห้องได้ขอรับ”
“คงได้แต่ทำตามนี้แล้ว” ถงกั๋วเฟิงสั่งการให้ส่งกำลังคนมาเพิ่ม “ทุกๆ จุดในห้องที่ซ่อนตัวได้ ไม่ว่าจะใต้เตียง ในตู้ หรือหลังผ้าม่านต้องค้นดูให้ทั่ว รวมถึงห้องชั้นบนสุด! จำไว้ อย่าแตะต้องสิ่งของของแขก แต่ต้องค้นหมดห้ามตกหล่น! ต้องหาตัวเขาให้เจอให้ได้ มีเรื่องอะไรก็ให้มารายงานฉันตลอด”
คนสวมหมวกดำขานรับ เขารับกุญแจจากมือผู้จัดการโรงแรมอย่างว่องไวแล้วเรียกกำลังคนมารวมตัว ก่อนแบ่งกลุ่มมอบหมายหน้าที่ไปค้นตามชั้นต่างๆ และยังเตือนว่าหากในห้องมีคนพักอยู่ ให้บอกว่าคืนนี้มีพวกตีนแมวปะปนเข้ามา อาจเป็นอันตรายได้ ขอให้แขกเข้าใจด้วย
ลูกน้องของเขารับคำสั่งแล้วเร่งรีบแยกย้ายกันไปปฏิบัติงาน
ในห้องพักห้องหนึ่งที่ชั้นบนสุด จางอี้จิ่วปลอบประโลมคุณถังให้หายตกใจแล้วพยุงเธอลุกขึ้นจากพื้นห้องน้ำ บอกว่าจะตามหมอมาตรวจขาเธอที่ล้มกระแทกเมื่อครู่นี้
คุณถังเอามือเกาะแท่นอ่างล้างหน้าและยืนพิงไว้พลางเอ่ยขอบคุณเขา เธอปฏิเสธอย่างนุ่มนวลว่าแผลที่ขาเธอไม่เป็นอะไรมาก แค่ผิวถลอกเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตถึงขั้นเชิญหมอมา
“ขอโทษจริงๆ นะคะที่ทำให้คุณหมดสนุก ตอนแรกฉันคิดว่าโอกาสหายากแบบนี้อย่างไรก็ต้องลงไปให้ได้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแผลที่ขาอีก ช่างเถอะ ฉันไม่ไปแล้วค่ะ คุณน่าจะยังมีแขกต้องรับรองต่อ ไม่ต้องห่วงฉันนะคะ สบายใจได้ คุณรีบกลับไปเถอะ” คุณถังอมยิ้มพลางพูดเร่งเขาเสียงอ่อนเสียงหวาน
นานๆ จะมีโอกาสดีอย่างนี้สักที มีหรือจางอี้จิ่วจะตัดใจออกไป เขาพูดยิ้มๆ “ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ ผมไม่ลงไปเหมือนกัน เจ้าบ่าวคืนนี้คือคุณชายหวัง ไม่ใช่ผมสักหน่อย ผมมีแขกต้องรับรองที่ไหนกัน”
เขามองพื้นห้องน้ำปราดหนึ่งแล้วมุ่นคิ้ว “อุตส่าห์ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของเมืองหลวง แต่กระทั่งแผ่นรองพื้นก็ไม่ปูไว้ ทำให้คุณลื่นหกล้ม เดี๋ยวคงต้องไปต่อว่าพวกเขาสักหน่อย” ว่าแล้วเขาก็มองไปทางตู้เก็บของด้านข้าง
“ผมจะหาดูว่ามีพรมปูพื้นหรือเปล่า จะได้รีบปูไว้ เกิดคืนนี้คุณไม่ทันระวังแล้วหกล้มเอาได้อีก…” เขาพูดพลางยื่นมือไปจะเปิดประตูตู้
เสื้อผ้าที่ซูเสวี่ยจื้อถอดเปลี่ยนเมื่อครู่เก็บไว้ในตู้นี้นั่นเอง ตามแผนที่วางไว้ หลังจากซูเสวี่ยจื้อไปแล้วคุณถังจะเอาชุดนี้ไปซุกซ่อนในกระเป๋าและเอาลงไปทิ้งในมุมลับตาคนสักที่ชั้นล่างเป็นการป้องกันไว้ก่อน เพื่อการนี้เธอถึงตั้งใจใช้กระเป๋าถือคล้องแขนใบค่อนข้างใหญ่ที่พอใส่เสื้อผ้าได้ ต่อให้มีการสืบสวนในภายหลังก็ไม่มีทางสาวมาถึงตัวเธอได้เลย กระนั้นเธอก็ไม่นึกว่าจางอี้จิ่วจะขึ้นมากะทันหันจนแผนรวนไปหมด ตอนนี้เธอยังไม่ทันได้เก็บเสื้อผ้าผู้ชายชุดนั้นเลย ครั้นเห็นจางอี้จิ่วเอื้อมมือไปแล้ว คุณถังจึงร้องอุทานคำหนึ่งก่อนก้มตัวลง
“เป็นอะไรไปครับ!” จางอี้จิ่วชะงักมือ รีบหันมาถามเสียงรัวเร็วด้วยสีหน้าห่วงใย
“เจ็บขานิดหน่อย…” คุณถังถกกระโปรงขึ้นขณะก้มหน้ามองขาข้างที่บาดเจ็บพลางขมวดคิ้วเรียวงามน้อยๆ
“คุณดื้อเกินไป ผมจะเรียกหมอให้ก็ไม่ยอม…”
จางอี้จิ่วโคลงศีรษะ เขาประคองแขนเธอพาไปนั่งริมเตียงอย่างสุภาพบุรุษ ยังบอกให้เธอรอสักครู่แล้วออกไปเรียกพนักงานให้เอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ หลังจากได้มาแล้วเขาก็ถอดเสื้อโค้ตออก ม้วนแขนเสื้อขึ้น ย่อตัวลงล้างแผลที่ขาหญิงสาวและพันแผลให้ด้วยตนเอง
เขาทำอย่างเบาไม้เบามือ ทั้งยังถามเธอว่าเจ็บไหมอย่างสงสาร
คุณถังบอกว่าไม่เจ็บ ซ้ำออกปากเร่งให้เขาลงไป บอกว่ากลัวจะทำให้เขาเสียงาน เธอทำแผลเองได้