ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง
ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 183-184
ผิวเนื้อเปลือยเปล่าที่ปลีน่องคุณถังขาวผ่องเป็นยองใย ทั้งยังเรียบลื่นนุ่มมืออย่างเหลือเชื่อ จางอี้จิ่วพลันนึกถึงเสียงเล่าลือเกี่ยวกับความงามเย้ายวนใจของเธอที่เมื่อก่อนเคยได้ยินจากไหนไม่รู้ ว่ากันว่าคุณถังใช้ครีมบำรุงผิวผสมนมสดทาทั่วร่างกายก่อนนอนทุกคืนเสมอ ยังคิดต่อไปอีกว่าหลังจากผู้ชายที่เลี้ยงดูเธอคนแรกตายไปเธอก็อยู่เป็นโสดนานหลายปี พักก่อนถึงได้สานสัมพันธ์กับเฮ่อฮั่นจู่ แต่ตอนนี้กลับไม่รับรักเขา พาให้ความอิจฉาพลุ่งขึ้นในใจระลอกหนึ่ง เขาหยักยิ้มพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายล้อเล่น
“ผมรู้ว่าเยียนเฉียวหนุ่มกว่าผมหลายปี หน้าตาก็หล่อเหลาถูกใจสาวๆ คุณจะชอบเขาก็เป็นเรื่องธรรมดามาก แต่ว่าผู้ชายอายุมากกว่าหลายปีก็มีข้อดีของคนที่อายุมากกว่าตรงช่างเอาใจใส่นะครับ คุณลองดูก็จะรู้เอง” เขาหยุดเว้นจังหวะไปเล็กน้อย “คุณถัง ถึงเวลานี้แล้วคุณคงไม่ได้ยังรอเยียนเฉียวอยู่กระมัง คุณเป็นคนฉลาด แล้วก็ไม่ใช่คนอ่อนต่อโลก หรือคุณยังดูไม่ออกว่าจริงๆ แล้วตอนนั้นเขาไม่อยากแต่งงานกับคุณหนูเฉา แต่จะล่วงเกินอีกฝ่ายอย่างเปิดเผยก็ไม่ดี ถึงได้ใช้คุณเป็นข้ออ้างบังหน้า ในเมื่อเขาพึ่งไม่ได้ คุณจะดันทุรังแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน”
ในใจคุณถังกำลังพะวงเรื่องเสื้อผ้าในตู้อยู่ เห็นเขาไม่ยอมไปสักทีก็เริ่มร้อนใจ เลยฉวยจังหวะตอนเขาพูดเรื่องนี้ทำทีชักสีหน้าหดขากลับแล้วปล่อยกระโปรงลงปิด รอยยิ้มบนหน้าก็เลือนหายไปด้วย
“ท่านรองจาง คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร”
จางอี้จิ่วพูดออกมาแล้วถึงรู้ว่าพลั้งปากไป เขาคิดว่าเธอโกรธจริงๆ จึงรีบคิดจะง้องอน
ทว่าคุณถังล้มตัวลงนอนหันหน้าเข้าด้านในอย่างไม่สนใจไยดีและพูดเสียงเนือยๆ “เอาเถอะ ฉันรู้ตัวดี พวกผู้ชายมีคนไหนพึ่งได้บ้าง ยังต้องให้คุณเตือนด้วยหรือ หนนี้ก็ไม่ควรมาแต่แรก ฉันเหนื่อยแล้ว คืนนี้ขอบคุณมากค่ะ ฉันอยากพักผ่อนแล้ว”
จางอี้จิ่วนึกโมโหตนเองอยู่ในใจสุดจะกล่าว พอเห็นเธอหลับตาลง หน้าตาดูเหนื่อยอ่อน เขาซึ่งลุกขึ้นยืนอยู่ข้างเตียงครู่หนึ่งได้แต่พูดเสียงฝืดเฝื่อนว่า “ก็ดีครับ…ถ้าอย่างนั้นคุณนอนพักก่อนนะ ผมจะลงไปแล้ว มีเรื่องอะไรก็เรียกผมได้เลย…”
จางอี้จิ่วหยิบเสื้อโค้ตที่ถอดออกเมื่อครู่แล้วมองสาวสวยที่นอนตะแคงอยู่บนเตียงซ้ำอีกที เห็นเธอหันหลังให้นิ่งๆ ไม่มีทีท่าจะรั้งเขาไว้ เขาจึงหมุนตัวเตรียมเดินออกไปอย่างจนใจ
จังหวะนี้เองถึงได้ยินเสียงกุญแจไขประตูห้องจากด้านนอก ต่อจากนั้นประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับมีคนพรวดพราดเข้ามา
จางอี้จิ่วออกไปจากห้องนอนทันทีด้วยความตกใจ คนกลุ่มนั้นเห็นเขาเดินออกมากะทันหันก็อึ้งงันไป และพากันหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าประตู
อารมณ์ของจางอี้จิ่วกำลังขุ่นมัวอยู่แต่เดิม ตอนนี้จึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันใด เขาตะคอกเสียงกราดเกรี้ยว “พวกแกทำอะไรกัน! ถึงกับแอบเปิดประตูห้องคนอื่นเอง นี่ไม่เกรงกลัวกฎหมายหรือฟ้าดินกันแล้วรึ!”
แขกที่จองห้องพักชั้นบนสุดในคืนนี้ได้ต้องมีฐานะไม่ธรรมดา คนสวมหมวกดำกลัวลูกน้องจะสร้างปัญหาจึงนำคนมาเอง เมื่อครู่เขาเข้าไปค้นหาในห้องติดกันแล้วไม่พบความผิดปกติเลยออกมาค้นต่อที่ห้องนี้ตามลำดับ เขาได้ดูรายชื่อแขกที่ลงทะเบียนเข้าพักคืนนี้แล้ว จึงรู้ว่าเป็นห้องของจางอี้จิ่ว อีกทั้งจำได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในห้องโถงจัดงานชั้นล่าง ถึงไขกุญแจเข้ามาเลยโดยไม่ได้เคาะประตู คิดไม่ถึงว่าจางอี้จิ่วจะอยู่ในห้อง พอเห็นดังนั้นเขาจึงรีบเข้ามาโค้งตัวขออภัย จากนั้นใช้เหตุผลที่เตรียมไว้เป็นข้ออ้างบอกว่าจะขอตรวจดูห้องสักหน่อย
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ขอรับ เบื้องบนมีคำสั่งลงมา ต้องค้นทุกห้องโดยไม่มีข้อยกเว้น นี่ก็เป็นการคำนึงถึงความปลอดภัยของท่านรองจางด้วยนะขอรับ พวกตีนแมวเจ้าเล่ห์มาก เกิดฉวยโอกาสตอนท่านไม่อยู่แอบเข้ามาซ่อนตัวในนี้ จะไม่ดีต่อท่านเหมือนกัน พวกผมขอดูประเดี๋ยวเดียวแล้วจะออกไปทันที ท่านรองจางโปรดอภัยให้ด้วย” ว่าแล้วเขาก็ทำมือบอกให้ลูกน้องเข้าไป
ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นไปไม่ได้ที่ในห้องจางอี้จิ่วจะมีตีนแมว หรือต่อให้มีก็ตาม แต่ตอนนี้คุณถังอยู่ในห้องนอน หากปล่อยให้คนพวกนี้เข้าไปตรวจค้น เขาจางอี้จิ่วจะเอาหน้าไปวางไว้ที่ไหน
“หยุดนะ!” จางอี้จิ่วตวาดเสียงห้วน “อย่านึกว่าอ้างชื่อถงกั๋วเฟิงแล้วฉันจะกลัว เข้ามาทางไหนก็ไสหัวออกไปทางนั้นเลย! ลองขยับอีกก้าวเดียว ปืนฉันไม่มีตาหรอกนะ”
จางอี้จิ่วชักปืนพกออกมาพลางพูดเสียงเย็นเยียบ
คนสวมหมวกดำเห็นจางอี้จิ่วโกรธจัด ซ้ำยังพูดถึงเพียงนี้ จึงไม่กล้าก้าวเข้าไปอีก เขาขานรับซ้ำๆ สองสามคำ แล้วส่งสัญญาณมือบอกให้ลูกน้องออกไปก่อน จากนั้นสั่งคนที่เหลือรีบเร่งตรวจค้นห้องอื่นๆ ต่อไป ส่วนตนเองลงไปชั้นล่างรายงานสถานการณ์ให้ถงกั๋วเฟิงรับทราบ
จางอี้จิ่วปิดประตูแล้วล็อกจากด้านในก่อนเก็บปืน ครั้นเดินกลับเข้าไปอีกทีก็เห็นคุณถังลุกขึ้นนั่งบนเตียง ใบหน้าเธอซีดเผือดเล็กน้อย เขาห่วงว่าเธอจะเสียขวัญจึงรีบเข้าไปนั่งบนขอบเตียงและพูดปลอบโยนเสียงนุ่มนวล
แต่กระนั้นในใจเขาก็เริ่มฉงนสงสัยเช่นกัน ไม่รู้ว่าถงกั๋วเฟิงเล่นลูกไม้อะไรอยู่ ตีนแมวอะไร อย่าให้เป็นการหาข้ออ้างเล่นไม่ซื่อก็แล้วกัน เขาชักไม่วางใจเลยอยากไปดูสักหน่อย หลังจากปลอบใจคุณถังอีกสองสามคำแล้วเขาจึงบอกว่า “ข้างล่างน่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผมขอไปดูหน่อยดีกว่า เดี๋ยวค่อยมาหาคุณอีกทีนะ”
เขาพูดจบก็ลุกขึ้นจะเดินออกไป แต่กลับฉุกคิดถึงเรื่องเมื่อครู่ขึ้นได้
วิสัยการทำงานของถงกั๋วเฟิงค่อนข้างคล้ายคลึงกับหวังเซี่ยวคุน นั่นคือไม่มีทางพุ่งหอกเข้ารก เขาระดมคนอย่างเอิกเกริกเพียงนี้ น่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นจริงๆ และดูจากลักษณะท่าทางเมื่อครู่นี้ต้องเป็นการค้นหาใครอยู่
ถ้าเกิดบุคคลอันตรายที่ว่านั่นซ่อนอยู่ในนี้ คุณถังอยู่คนเดียว…