ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง
ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 183-184
“เมื่อครู่คุณคงได้ยินแล้ว ผมช่วยตรวจดูให้คุณก่อน ถ้าไม่มีอะไรผมค่อยออกไป ยุคนี้มีเรื่องวุ่นวายอะไรต่อมิอะไรทุกรูปแบบ ป้องกันไว้ก่อนดีกว่าครับ”
เขาก้มตัวลงมองใต้เตียงก่อนค่อยไปดูด้านหลังม่านหน้าต่าง ยังเปิดตู้เสื้อผ้ามองผ่านๆ อีกแวบหนึ่งจนเหลือที่สุดท้ายคือห้องน้ำ
จางอี้จิ่วเดินต่อไปทางนั้นแล้วผลักประตูเปิดออก ทันใดนั้นวงแขนนุ่มนิ่มเหมือนไม่มีกระดูกคู่หนึ่งก็ยื่นมาโอบรอบเอวเขาไว้หลวมๆ จากข้างหลัง
ร่างของจางอี้จิ่วชะงักค้าง
“ท่านรองจาง เพราะอะไรคุณถึงดีกับฉันเพียงนี้คะ” เสียงของคุณถังลอยมากระทบหู
จางอี้จิ่วหันหน้ากลับไปช้าๆ เห็นสาวสวยเงยหน้ามองเขา ขอบตาของเธอแดงเรื่อเล็กน้อยดูน่ารักน่าทะนุถนอม เป็นเหตุให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะวูบหนึ่ง
“ฉันเจอผู้ชายที่มาเอาอกเอาใจฉันเยอะแยะ ถึงฉันจะรู้สึกว่าคุณไม่ค่อยเหมือนกับคนพวกนั้น แต่ฉันไม่อยากจะเชื่อนัก…ตัวฉันมีดีอะไร ถึงบุญพาวาสนาส่งได้รับความรักจากท่านรองจาง อีกทั้งฉันยังเพิ่งถูกทิ้ง จริงๆ นะคะ ตอนนี้ฉันไม่กล้าเปิดใจรับใครอีก แล้วฉันก็กลัวว่าฉันจะเป็นตัวถ่วงของคุณ…” คุณถังพูดเนิบช้า
จางอี้จิ่วยังจะอดใจไว้ได้ที่ไหนกัน เขาก้มหน้าลงจูบปากเธออย่างหมดความยับยั้งชั่งใจ ริมฝีปากของคุณถังทั้งหอมทั้งนุ่ม ให้ความรู้สึกดีกว่าผู้หญิงที่เขาเคยคบหาเล่นๆ ชั่วครั้งชั่วคราวก่อนหน้านี้มากเหลือเกิน
ครั้นพบว่าเธอไม่ได้แข็งขืน จางอี้จิ่วจึงอุ้มร่างอันอ่อนระทวยของคุณถังไปวางบนเตียงแล้วโถมกายตามลงไปจูบเธอพลางพูดเสียงอู้อี้ “…เป็นตัวถ่วงอะไรกัน เดิมทีผมตั้งใจไว้ว่าชาตินี้จะไม่แต่งงาน แต่ผมหลงรักคุณมานานแล้วจริงๆ…”
คุณถังซึ่งถูกจางอี้จิ่วคร่อมทับไว้บนเตียงปล่อยให้เขาทำตามใจปรารถนา เธอลืมตาและอมยิ้มที่มุมปาก ทว่าสายตากลับเฉยชามองดูเพดานห้อง ผ่านไปชั่วครู่เธอรู้สึกได้ว่าเขาเริ่มถอดเสื้อผ้าของเธอ ถึงได้หลับตาและยกแขนโอบคอเขา
ด้านจางอี้จิ่วรับรู้ว่าคุณถังโอนอ่อนตามก็ยิ่งอารมณ์เตลิดเปิดเปิง ลืมเรื่องที่จะลงไปทำข้างล่างเมื่อครู่นี้เสียสนิท
ระหว่างเข้าด้ายเข้าเข็มนี้เองก็มีเสียงดังมาจากห้องด้านนอกอีกแล้ว
หนนี้เป็นเสียงเคาะประตู
จางอี้จิ่วโดนขัดจังหวะพลอดรักก็โมโหจนสุดระงับ เขาแผดเสียงตวาดไปทางด้านนอก “ฉันพักผ่อนอยู่! ไปให้พ้น!”
“รองจาง นี่ผมเอง” เสียงตอบลอยแว่วเข้ามา ฟังดูคล้ายจะเป็นถงกั๋วเฟิง
จางอี้จิ่วก่นด่าอยู่ในใจคำหนึ่งว่าคนจัญไร เขาจำต้องหยุดทุกอย่างไว้เท่านี้อย่างจนปัญญา ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวคุณถังบอกให้เธอรอสักครู่ ถึงลงจากเตียงไปสวมเสื้อผ้ากลับตามเดิมอย่างเร่งรีบ จากนั้นเดินออกไปเปิดประตูก็เห็นถงกั๋วเฟิงมาแล้วจริงๆ
“ตอนหัวค่ำดื่มจนเมาเลยปวดหัวนิดหน่อย ผมนอนพักอยู่ คุณมีเรื่องอะไรหรือ” เขาถามอย่างหงุดหงิด
ถงกั๋วเฟิงรู้จากปากพนักงานโรงแรมแล้วว่าคุณถังเข้ามาพักห้องนี้ เขาชายตามองเสื้อเชิ้ตที่ยังกลัดกระดุมไม่ครบบนตัวอีกฝ่ายแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ เรียกจางอี้จิ่วออกมาบอกว่าซูเสวี่ยจื้อหายไปแล้ว ถามว่าพอจะให้เบาะแสอะไรได้บ้างไหม
“อะไรนะ! ซูเสวี่ยจื้อหนีไปแล้วหรือ” จางอี้จิ่วตกใจ พอตั้งสติได้ก็ตอบว่า “ผมจะมีเบาะแสอะไรได้ คืนนี้ก็คนของคุณทั้งนั้นที่เฝ้าอยู่ไม่ใช่หรือ คุณไปถามพวกเขาสิ มาหาผมด้วยเหตุใดกัน”
“รองจาง คุณอย่าลืมว่าการจับตาดูซูเสวี่ยจื้อเป็นหน้าที่คุณ”
จางอี้จิ่วกำลังคับข้องใจด้วยเรื่องนี้อยู่พอดี เขาแค่นเสียงเยาะ “คุณรู้ว่าเป็นหน้าที่ผมด้วยหรือ รู้แล้วยังยื่นมือมาซะยาวเพียงนี้? คุณเหมาเอาไปทำเองหมดแล้วจะให้ผมทำอะไรอีกล่ะ เชิญพวกคุณทำกันไปตามสบาย ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องทะเลาะกันก็ดีแล้วนี่ ตอนนี้พอพวกคุณปล่อยให้เขาหนีไปได้ ก็มาถามหาจากผมอีก ทำไมรึ จะปัดความรับผิดชอบ ไล่เลียงเอาผิดกับผม?”
ถงกั๋วเฟิงก้าวก่ายเรื่องนี้จริงๆ เหตุผลหลักเพราะไม่เชื่อถือจางอี้จิ่ว แต่เวลานี้ซูเสวี่ยจื้อกลับหายวับไปกับสายลมภายใต้จมูกเขาแท้ๆ เขารู้ตัวว่าเป็นฝ่ายผิด จึงพูดอย่างอดทนข่มกลั้น “เอาเถอะ ผมใจร้อนไปชั่ววูบ ถึงทำไม่เหมาะจริงๆ ผมขอโทษคุณด้วย พวกเราต่างเป็นคนของท่านนายพล วันหลังควรร่วมแรงร่วมใจกันถึงจะถูก คุณว่าจริงหรือไม่”
เสียงของจางอี้จิ่วอ่อนลงบ้างเช่นกัน “ประตูโรงแรมมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบของพวกคุณเฝ้าอยู่ไม่ใช่หรือ เป็นไปได้อย่างไรที่คนทั้งคนเดินออกไปแล้วจะมองไม่เห็น ยังอยู่ในโรงแรมหรือเปล่า แค่ว่ายังหาไม่เจอเท่านั้น”
ถงกั๋วเฟิงพูด “ดูท่าว่าคงต้องเป็นอย่างนี้ คนของผมตรวจค้นจุดอื่นๆ จนทั่วแล้วไม่เจอตัว เหลือแค่ห้องนี้ของคุณ…”
จางอี้จิ่วขมวดคิ้ว “มีผู้หญิงอยู่ ไม่สะดวก ข้างในไม่มีคนอื่น ผมเพิ่งดูเมื่อครู่นี้เอง”
แววตาของถงกั๋วเฟิงทอประกายวูบหนึ่งแต่ไม่พูดตอบ
จางอี้จิ่วเห็นดังนั้นก็ฉุนโกรธขึ้นมาอีก “ถงกั๋วเฟิง แกหมายความว่าอย่างไร พอซูเสวี่ยจื้อหายตัวไป แกก็ปักใจเชื่อว่าฉันให้ที่ซ่อนเขาหรือ”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ให้พวกเขาเข้ามาดูเถอะ” เสียงของหญิงสาวพลันดังมาจากด้านหลัง
จางอี้จิ่วเหลียวไปมองก็เห็นคุณถังปรากฏตัวขึ้นตรงประตูห้องนอน เธอสวมเสื้อคลุมนอนผ้าไหมยาวระพื้น ผูกเชือกรัดเอว ปล่อยผมสยายลง
หญิงสาวยืนพิงประตู เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นฉายรัศมีความงามเย้ายวน แทบทำให้ไม่กล้าจับจ้องมองตรงๆ เลยทีเดียว
เธอเห็นทุกคนหันมามองก็ยื่นมือเรียวยาวนวลเนียนข้างหนึ่งไปเปิดประตูห้องนอนออกจนกว้างสุด เป็นเชิงบอกให้เข้ามาได้
คนสวมหมวกดำตั้งสติได้ก็เลื่อนสายตาออกจากตัวเธอแล้วรีบพาลูกน้องเข้าไป เขาโค้งคำนับคุณถังก่อนจะสาวเท้าฉับๆ เข้าไปในห้อง ตรวจตราทุกจุดที่น่าจะซ่อนตัวได้อย่างละเอียดทั้งห้องนอนและห้องน้ำ และยังเปิดดูตู้ทุกตู้ สุดท้ายเปิดกระทั่งหน้าต่างแล้วชะโงกหัวออกไปตรวจดู เสร็จแล้วก็ออกมารายงานว่าไม่พบอะไร
ซูเสวี่ยจื้อไม่ได้ออกจากโรงแรม แต่ค้นหาตามที่ต่างๆ แล้วก็ไม่เจอตัวอีก ถงกั๋วเฟิงคิดถึงความเป็นไปได้มากที่สุดนั่นคือจางอี้จิ่วฉวยโอกาสคืนนี้ซ่อนตัวอีกฝ่ายเอาไว้แล้วค่อยหาจังหวะส่งตัวออกไป ดังนั้นจึงตั้งใจมาด้วยตนเอง ขณะนี้พอไม่เจอซูเสวี่ยจื้อ เขาจึงเสพูดกลบเกลื่อนว่าไม่ได้หมายความอย่างนั้นเด็ดขาดแล้วพาคนกลับไปทันที
จางอี้จิ่วข่มความโมโหเอาไว้ เขาสบถคำหนึ่งก่อนปิดประตูเดินรี่ไปตรงหน้าคุณถัง และเอ่ยขอโทษเธอเสียงเบาๆ
คุณถังส่ายหน้าบอกยิ้มๆ ว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ดูประเดี๋ยวเดียวเองจะเป็นไรไป หากคุณไม่ยอมแล้วเกิดพวกเขามาปรักปรำ จะกลายเป็นความผิดของฉันสิคะ”
เขาแอบประทับใจที่หญิงสาวเข้าใจเหตุผลได้ดี จึงอุ้มเธอกลับไปวางบนเตียงในห้องนอนอีกครั้ง
เมื่อครู่โดนขัดจังหวะจางอี้จิ่วเลยหมดอารมณ์แล้ว เขานึกสงสัยว่าซูเสวี่ยจื้ออยู่ไหนกันแน่ จึงพูดปลอบคุณถังอย่างอ่อนโยนยกหนึ่ง บอกให้เธอนอนพักก่อน ส่วนตนเองจะลงไปดูสถานการณ์ข้างล่างสักหน่อย พอพูดจบแล้วก็ผลุนผลันออกไป