บทที่ 187
ภายในโรงแรมแกรนด์แคปิตอล เมื่อจางอี้จิ่วมอบหมายงานเสร็จ ลูกน้องก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว เขานึกถึงคุณถังที่ยังอยู่ในห้องพักชั้นบนสุด จึงเรียกพนักงานหน้าโรงแรมที่ผ่านมาคนหนึ่ง สั่งให้ยกอาหารมื้อค่ำขึ้นไปให้เธอแทนตนเอง และฝากคำพูดไปถึงเธอว่าคืนนี้ไม่ต้องลงมาข้างล่างอีก ล็อกประตูห้องให้แน่นหนา และนอนพักให้เต็มที่
หลังจากนี้ไม่ว่าจะสกัดจับซูเสวี่ยจื้อไว้ได้หรือไม่ คืนนี้เขาคงไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขแล้ว จางอี้จิ่วสั่งงานเสร็จเรียบร้อยก็หมุนตัวจะกลับไปที่ห้องโถงจัดงาน แต่พลันเห็นคนรับหน้าที่ต้อนรับแขกตรงหน้าประตูใหญ่รีบร้อนเข้ามาส่งเสียงเรียกไว้ บอกว่าข้างนอกมีคนมาหาเขา อ้างว่ามีข่าวด่วนสำคัญมากจะแจ้งให้ทราบ
ความคิดแวบแรกของเขาคือมีคนมาแจ้งเบาะแสของซูเสวี่ยจื้อ
เขาใจกระตุกวูบ ไม่นึกว่าจะได้ข่าวเร็วขนาดนี้ จางอี้จิ่วจึงได้แต่ออกไป
ตรงเชิงบันไดนอกประตูทางเข้าโรงแรมมีคนแต่งตัวเหมือนคนงานรออยู่ เขาบอกลูกน้องว่าไม่ต้องตามมาแล้วเดินลงไปคนเดียว จางอี้จิ่วยังไม่ทันอ้าปากพูดอีกฝ่ายก็สาวเท้าก้าวใหญ่ปรี่เข้ามาบอกว่า “ท่านรองจาง คนญี่ปุ่นวางแผนลอบสังหารพลเอกหวังในงานแต่งงานคืนนี้ มือลอบสังหารน่าจะเป็นพนักงานที่แฝงตัวเข้ามาเมื่อครึ่งเดือนก่อน โปรดระวังด้วยขอรับ” อีกฝ่ายพูดจบแล้วก็ไม่รอให้จางอี้จิ่วซักถาม หันหลังกลับไปอย่างเร่งร้อน
จางอี้จิ่วทั้งประหลาดใจทั้งตกใจ แต่ไม่ทันได้ถามต่อสักคำคนผู้นั้นก็หายลับไปในความมืดไม่เห็นวี่แววในพริบตาราวกับติดปีกบิน เขาได้แต่รีบเข้าไปในโรงแรมแล้วพุ่งดิ่งไปที่ห้องโถงจัดงานเป็นอันดับแรก เห็นหวังเซี่ยวคุนกลับที่นั่งของตนเองตรงโต๊ะกลมตัวใหญ่ กำลังสนทนากับพวกฟางฉงเอินและคนสกุลเฉินอย่างสนุกสนาน ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
จางอี้จิ่วมองสำรวจพนักงานโรงแรมที่เดินไปเดินมาทั้งสี่ด้านก็ไม่เห็นพิรุธอะไร เขาคิดจะไปหาหวังเซี่ยวคุน แต่กลับสองจิตสองใจเล็กน้อยก่อนหันหลังออกไปด้านนอกเรียกคนของตนเองมาสองสามคน สั่งให้แอบไปอยู่ใกล้ๆ หวังเซี่ยวคุน เสริมกำลังคุ้มกันเพิ่มขึ้นจากผู้คุ้มกันนอกเครื่องแบบที่จัดเตรียมไว้แต่เดิม แต่ให้คนของตนเองระมัดระวังอย่าให้เป็นที่สังเกต จากนั้นเรียกผู้จัดการโรงแรมมาซักถามว่ามีการจ้างพนักงานใหม่เมื่อครึ่งเดือนก่อนหรือไม่
เขากลัวว่าแหล่งที่มาของข่าวจะไม่แม่นยำหรืออาจมีคนเจตนากลั่นแกล้ง เกิดเขาบอกหวังเซี่ยวคุนไปตรงๆ จนงานมงคลคืนนี้เสียหาย แล้วผลสุดท้ายกลับกลายเป็นว่าไม่มีเรื่องอะไร อย่างนั้นก็จะเป็นความผิดของเขาเต็มๆ เพื่อรอบคอบไว้ก่อน เขาจึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจ
“มีหรือเปล่า คุณคิดให้ดีๆ นะ เรื่องนี้สำคัญมาก”
ผู้จัดการโรงแรมโดนเขาถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดก็ไม่กล้าชักช้าเชือนแช รีบพยายามทบทวนความจำแล้วพยักหน้าอย่างว่องไว เล่าว่าครึ่งเดือนก่อนได้รับพนักงานใหม่เข้ามาทำงานจริงๆ เหตุผลเพราะวันหนึ่งพนักงานต้อนรับคนเก่าที่ทำงานที่นี่มานานหลายปีจู่ๆ ก็ไม่มา เลยจำต้องรับคนใหม่ที่มีคนแนะนำให้แบบเร่งด่วนเฉพาะหน้า
จางอี้จิ่วใจหล่นดังตุ้บ “คนคนนั้นอยู่ไหน”
“ในห้องโถงจัดงานคืนนี้มีแต่แขกคนใหญ่คนโตทั้งนั้น ผมกลัวเขาจะทำงานผิดพลาดเลยไม่ให้ออกมาข้างหน้า ให้ทำงานจิปาถะอยู่ข้างหลัง…”
จางอี้จิ่วเรียกคนมาเพิ่มอีกสองสามคนก่อนสั่งให้ตามผู้จัดการโรงแรมไปหาคนผู้นั้นแล้วจับตัวไว้ทันที หากจำเป็นก็ยิงทิ้งได้เลย ส่วนตนเองวิ่งกลับไปที่ห้องโถง หยุดยืนอยู่บริเวณใกล้ๆ หวังเซี่ยวคุนมองสำรวจรอบด้านอย่างตึงเครียด ไม่นานนักลูกน้องของเขากลับมาบอกว่าคนผู้นั้นหายตัวไปแล้ว
พอรู้ว่าข่าวที่ได้มาน่าจะเป็นความจริง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่จางอี้จิ่วก็ไม่คำนึงถึงแล้วว่าปกติไม่กินเส้นกับถงกั๋วเฟิง เขารีบตามตัวอีกฝ่ายมาทันทีและบอกข่าวที่ได้รับมาเมื่อครู่พร้อมยืนยันว่าตรวจสอบแล้วอย่างรวดเร็ว
ถงกั๋วเฟิงกำลังติดตามเรื่องจากลูกน้องที่ออกไปตามหาซูเสวี่ยจื้ออยู่ จึงคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุร้ายแทรกขึ้นอีก เขาตื่นตระหนกยกใหญ่ หลุดปากออกมาโดยไม่ยั้งคิด “แน่ใจนะว่าเป็นคนญี่ปุ่น อาจจะเป็นเฮ่อฮั่นจู่หรือเปล่า”
จางอี้จิ่วสบถอย่างฉุนเฉียว “พูดอะไรพล่อยๆ! ถ้าเฮ่อฮั่นจู่จะก่อเรื่องก็ไม่มีทางเลือกวันแบบนี้หรอก”
ถงกั๋วเฟิงถึงสงบสติอารมณ์ลงได้ พวกเขาเห็นพ้องต้องกันอย่างฉับไวให้หวังเซี่ยวคุนออกจากงานเงียบๆ กลางคันเพื่อไม่ให้แขกเหรื่อตื่นตกใจ พอขึ้นรถแล้วไม่ย้อนกลับมาข้างหน้า ให้ออกทางประตูเล็กของลานจอดรถไปเลย
หลังจากปรึกษากันเรียบร้อยถงกั๋วเฟิงก็เดินลิ่วๆ ไปหาหวังเซี่ยวคุนแล้วก้มตัวพูดกระซิบสองสามคำที่ข้างหูเขา
“เพื่อปลอดภัยไว้ก่อน พี่เขยจำเป็นต้องออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลยครับ”