บทที่ 188
รอยยิ้มบนหน้าหวังเซี่ยวคุนชะงักค้างแล้วค่อยๆ เลือนหายไปในที่สุด
“แล้วเหตุใดถึงช่วยฉันไว้”
เขามองเฮ่อฮั่นจู่ตาเขม็ง นานครู่ใหญ่ถึงปริปากถามอีกครา
“ผมเชื่อว่าคุณต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับคนที่ชื่อโยโคกาวามาก่อนแน่นอน”
หวังเซี่ยวคุนขมวดคิ้ว “คนญี่ปุ่นที่เคยใช้ชีวิตแบบนักบวชภิกขาจารเดินทางจาริกอยู่ในประเทศจีนเป็นเวลานานเมื่อหลายปีก่อนโน้นน่ะหรือ ได้ยินว่าสองสามปีมานี้ถูกยกย่องให้เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณอยู่ทางโน้นไปแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้เขาก็เพิ่งมาที่ประเทศจีน”
“เขายังเป็นที่ปรึกษาสูงสุดของหน่วยงานกิจการพิเศษของกองทัพ อยู่ในสถานะสูงส่งมาก ปฏิบัติการที่มีพลเอกหวังเป็นเป้าหมายในคืนนี้ก็น่าจะได้รับคำสั่งมาจากคนคนนี้” เฮ่อฮั่นจู่พูดเสริมขึ้น
หนังตาของหวังเซี่ยวคุนกระตุกทีหนึ่ง
“โยโคกาวาเป็นคนที่เข้าใจประเทศจีนลึกซึ้งอย่างที่คุณรู้” ชายหนุ่มกล่าวต่อ “เขามีฐานะฉากหน้าเป็นปัญญาชนทรงเกียรติ แต่จริงๆ แล้วเป็นสายลับมือเก่า การที่เขามาประเทศจีนในเวลานี้อีกครั้งย่อมต้องเพื่อทำประโยชน์ให้ลัทธิทหารนิยมของพวกเขา ส่วนคุณเป็นเพียงคนเดียวที่รักษาดุลอำนาจของทุกฝ่ายในประเทศจีนได้ในตอนนี้ ทันทีที่คุณมีอันเป็นไป ผลลัพธ์เดียวที่เป็นไปได้ก็คือรัฐบาลกลางแตกแยก สถานการณ์ภายในประเทศที่เพิ่งสงบมั่นคงได้ไม่นานก็จะเรียกคืนมาไม่ได้อีก แล้วใครล่ะที่อยากให้ประเทศจีนระส่ำระสายมากที่สุด มันส่งผลดีอะไรต่อพวกเขา พลเอกหวังน่าจะแจ่มแจ้งมากกว่าผม”
หวังเซี่ยวคุนลังเลนิดหนึ่ง
“เธอหมายความว่าพวกเขามีแผนการจะรุกรานอย่างเปิดเผยจริงๆ หรือ เป็นไปไม่ได้หรอก เรื่องความทะเยอทะยานของพวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดถึง แต่ใช่ว่าพวกเขาจะใจกล้าบ้าบิ่นยอมเสี่ยงขนาดนี้จริงๆ อย่าลืมว่ามันไม่ใช่เรื่องของแค่สองประเทศเท่านั้น แต่จะเป็นเหตุการณ์ใหญ่ระดับโลก นอกจากพวกเขาก็ยังมีประเทศอื่นๆ เช่น อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส เรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงระเบียบโลก ญี่ปุ่นต้องถูกแทรกแซง ประเทศเหล่านี้ไม่มีทางนิ่งเฉยดูดาย…”
“ตื่นได้แล้ว พลเอกหวัง” เฮ่อฮั่นจู่ตัดบทหวังเซี่ยวคุนอย่างหมดความเกรงใจ
“อย่าประเมินความไร้ยางอายและบ้าคลั่งของคนญี่ปุ่นต่ำเกินไป สภาพเศรษฐกิจภายในประเทศพวกเขาในเวลานี้มาถึงขั้นที่จำเป็นต้องอาศัยการทำสงครามนอกประเทศเพื่อเป็นปลิงดูดเลือดแล้ว ไม่รุกราน พวกเขาก็จะพังก่อนเอง แล้วก็อย่าตั้งความหวังอะไรลมๆ แล้งๆ กับประเทศมหาอำนาจอีกเลย หรือว่าความอัปยศอดสูและบทเรียนทั้งหลายทั้งปวงในช่วงมากกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมายังไม่มากพอให้คนในชาติเราตาสว่างอีก พวกเขาต่างกันตรงไหน ก็แค่ลูกหลานของพวกโจรสลัดผิวขาวหน้าเก่ากับโจรหน้าใหม่โขยงหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่ผู้รักษา ‘ระเบียบโลก’ ในสายตาคุณกำลังรักษาอยู่น่ะเป็นระเบียบของพวกเขาเองต่างหาก! ขอแค่คนญี่ปุ่นให้สัญญาคำเดียว รับประกันว่าผลประโยชน์ในประเทศจีนของพวกเขาตอนนี้จะไม่ได้รับผลกระทบ ต่อให้รู้ดีว่าเป็นการเลี้ยงงูพิษ แต่ตราบใดที่พวกเขาไม่โดนแว้งกัดเอง แล้วเรื่องอะไรพวกเขาจะยืนข้างเดียวกับเรา หวังให้ลูกหลานของโจรสลัดผดุงความเป็นธรรมให้ชาวจีนรึ เป็นเรื่องน่าขำที่สุดในโลกเลยทีเดียว โลกนี้ผู้อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง นอกจากยืนด้วยลำแข้งตนเองแล้วก็ไม่มีทางเลือกสายที่สองอีก! เชื่อผม ถึงเวลานั้นพวกเขามีแต่จะพูดตำหนิติเตียนด้วยปากคำสองคำ ไม่มีทางให้ความช่วยเหลือใดๆ กับพวกเราอย่างแท้จริง และอาจถึงขั้นที่แม้แต่การพูดตำหนิติเตียนไม่กี่ประโยคนั่น พวกเรายังต้องสูญเสียอย่างอื่นอีกเพื่อแลกกับมันด้วยซ้ำ
ผมใคร่ขอเตือนพลเอกหวังว่าเลิกหวังลมๆ แล้งๆ กับประเทศมหาอำนาจได้แล้ว และแทนที่จะทุ่มกำลังไปกับความขัดแย้งภายในที่ไร้ประโยชน์ ไม่สู้หันกลับมามองดูบ้านเมืองที่บอบช้ำเต็มที มองดูชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่ลำบากยากแค้นและล้าหลัง ตื่นตัวระวังพวกโจรต่างชาติที่กำลังจะเข้ามารุกรานในเร็ววันนี้ อย่ากลายเป็นคนที่ต้องโดนประณามหยามเหยียดในบันทึกประวัติศาสตร์วันข้างหน้าเป็นอันขาด”
สิ้นเสียงของเฮ่อฮั่นจู่ ภายในห้องพักผ่อนก็เงียบกริบดุจป่าช้า หนังตาของหวังเซี่ยวคุนกระตุกริกๆ ไม่หยุด เขาเม้มปากแน่นไม่พูดจา
เฮ่อฮั่นจู่สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ เฮือกหนึ่งก่อนอ้าปากพูดต่อด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งลง
แต่กระนั้นมันเป็นความสงบจากการสะกดกลั้นไว้เหมือนกับพื้นน้ำทะเลที่ปราศจากลมพัด แต่เบื้องล่างมีคลื่นใต้น้ำปั่นป่วนที่มองไม่เห็น
“พลเอกหวัง ยังต้องให้ผมอธิบายอีกไหมว่าเพราะอะไรต้องช่วยคุณไว้” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“ที่ผมช่วยไว้ไม่ใช่คุณ แต่เป็นรัฐบาลกลางและสถานการณ์บ้านเมืองที่เพิ่งสงบมั่นคงมากขึ้นอย่างไม่ง่ายดายหลังจากการต่อสู้และหลั่งเลือดไม่หยุด พลเอกหวัง คุณไม่จำเป็นต้องระวังผมในเวลานี้อีก จริงอยู่ว่าศัตรูที่ทำลายสกุลเฮ่อจนล่มจมไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ส่วนผมก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง แต่เมื่อข้าศึกอยู่ตรงหน้าย่อมต้องเก็บความแค้นส่วนตัวไว้ทีหลัง เรื่องนี้ขอแค่เป็นคนชาติเดียวกันก็ทำได้ไม่ยาก…”
เขาจ้องมองคนตรงหน้า พูดด้วยน้ำเสียงกระด้างเย็นชาขึ้นฉับพลัน