ผู้อำนวยการเหอเหลือบดูจดหมายในมือ เขานิ่งไปนิดหนึ่งถึงอ้าปากพูดอย่างตัดสินใจได้แล้ว
เขาอธิบายถึงเหตุผลพิเศษที่ซูเสวี่ยจื้อต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายตั้งแต่เด็กตามที่เธอเอ่ยถึงในจดหมาย จากนั้นบอกท่านจงว่าเธอกับเฮ่อฮั่นจู่รักใคร่ชอบพอกัน ทั้งคู่ออกจากเมืองหลวงเมื่อหลายวันก่อน และฝากให้เขาขอโทษท่านจงแทน ส่วนสาเหตุที่จากไปโดยไม่ลานั้นไม่จำเป็นต้องพูดมาก เพราะพวกเขาประจักษ์แก่ใจดีเป็นธรรมดา
ผู้อำนวยการเหอพูดตบท้าย “ความจริงตอนเพิ่งเข้าเรียนเสี่ยวซูก็บอกเรื่องตัวตนแท้จริงของเธอกับผมตามตรงเป็นการส่วนตัวแล้ว เวลานั้นผมเห็นว่าเธอมีความสามารถหาตัวจับยาก แล้วก็เห็นว่าเธอแสดงตัวเป็นผู้ชายต่อหน้าผู้คนตั้งแต่เด็ก ถึงได้แหวกกฎตอบตกลงให้เธออยู่ที่นี่เรียนหนังสือ วันหลังถ้าคนภายนอกตั้งข้อสงสัยใดๆ กับเรื่องที่เธอเข้าเรียนในสถานะผู้ชาย ผมรับผิดชอบเองคนเดียว ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวซูครับ”
ท่านจงต่อว่า “ดีนัก! คิดไม่ถึงว่าคุณจะปิดบังผมเสียสนิทเหมือนกัน” จากนั้นพูดต่ออย่างอัศจรรย์ใจเหลือหลาย “ไม่นึกไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าเสี่ยวซูจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง นอกจากจะมีความรู้ความสามารถด้านการแพทย์โดดเด่นขนาดนี้ ที่หาได้ยากคือจิตใจเข้มแข็งแน่วแน่เหนือคนทั่วไป ดูจากเรื่องที่เธอทำ ต่อให้เป็นผู้ชายส่วนใหญ่ในโลกที่ยกตัวเป็นชายชาตรี เห็นทีว่ายังเทียบเธอไม่ได้เลย ทีแรกเมื่อเช้านี้ผมร้อนใจแทบแย่ ตอนนี้หมดเรื่องแล้ว ได้ยินคำยืนยันจากคุณแบบนี้ ผมก็สบายใจ ดูซิว่าพวกคนใจต่ำที่ปล่อยข่าวลือจะแผลงฤทธิ์ไปได้สักกี่น้ำ”
พวกเขาถอนหายใจยาวๆ อย่างโล่งอกแล้วเปล่งเสียงหัวเราะทางโทรศัพท์พร้อมกันโดยไม่นัดหมาย
วันนี้บริเวณใกล้ๆ สถานีรถไฟเจียงอั้นในเมืองฮั่นโข่วทางทิศเหนือของแม่น้ำฉางเจียงคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เหล่าผู้ทรงอำนาจจากทุกแวดวงและข้าราชการในแถบนี้นำโดยบุคคลสำคัญคนหนึ่งของถิ่นนี้พากันมาอยู่ที่นี่เพื่อเตรียมต้อนรับการมาของคนกลุ่มหนึ่ง
คนที่กำลังจะมาถึงคือเฮ่อฮั่นจู่นั่นเอง
จุดนี้เป็นสถานีสุดท้ายของเส้นทางรถไฟสายเหนือไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ หลังจากลงรถไฟที่นี่เฮ่อฮั่นจู่จะเปลี่ยนไปใช้เส้นทางน้ำ เดินทางเลียบแม่น้ำฉางเจียงต่อไปยังเสฉวน
ด้วยอิทธิพลและสถานะแท้จริงในอาณาเขตนี้ของเฮ่อฮั่นจู่ ณ เวลานี้เขาเดินทางผ่านมาที่นี่วันนี้ เจ้าถิ่นจะรุดมาต้อนรับก็เป็นเรื่องปกติ อีกทั้งในบรรดาคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังเคยรู้จักกับเขามาก่อน
เวลาเที่ยงวันเมื่อเสียงหวูดทอดยาวจากที่ไกลดังลอยมาใกล้ๆ รถไฟก็เข้าสู่สถานีตรงเวลาแล้วชะลอความเร็วจอดเทียบชานชาลา
ประตูตู้โดยสารตรงหัวขบวนเปิดออก ทหารคุ้มกันหลายนายลงมา จากนั้นเฮ่อฮั่นจู่ในชุดเครื่องแบบทหารก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมรอยยิ้มบนหน้า เขาก้าวลงจากรถไฟ
ทุกคนพากันเข้าไปทักทาย นักข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเบียดเข้ามาจองที่ชักภาพ แต่กลับเห็นเฮ่อฮั่นจู่ไม่ได้เดินออกมาทันที เขาหยุดยืนที่ชานชาลาตรงประตูตู้โดยสาร ยื่นมือไปหาคนผู้หนึ่งที่ยังยืนอยู่หน้าประตู
ทุกคนถึงพบว่ายังมีผู้หญิงอีกคนร่วมทางมากับเขาด้วย
เธอเป็นหญิงสาวอ่อนเยาว์และสวยหมดจด สวมกระโปรงยาวลำลองสีน้ำเงินเข้มกับหมวกสักหลาดสีเทาบนศีรษะแบบชาวตะวันตก มีผ้าพันคอสีเดียวกันคลุมไหล่กันหนาว เธอไว้ผมสั้นทะมัดทะแมง แต่งหน้าอ่อนๆ แม้ไม่ได้แต่งกายหรูหรา แต่มีบุคลิกเปิดเผยมาดมั่น แลดูสง่างามสูงศักดิ์ในตนเอง
เฮ่อฮั่นจู่ยื่นมือให้เธอจับระหว่างลงจากรถไฟ ทั้งคู่ยืนเคียงกัน เขาเห็นทุกคนมองมาด้วยสีหน้าต่างๆ นานา สายตาจับจ้องที่หญิงสาวข้างกาย จึงอมยิ้มพูดว่า “เธอก็คือผู้หญิงที่ผมกำลังจะแต่งงานด้วย คุณหนูซู ซูเสวี่ยจื้อครับ”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 10 พ.ค. 67