บทที่ 192
รูปลักษณ์ภายนอกของหวังหนีชิวอาจดูดิบเถื่อนห่ามห้าว แต่จริงๆ แล้วเป็นคนมีไหวพริบรู้จักกาลเทศะ เมื่อระหว่างทางราบรื่นไม่มีปัญหาอะไร เขาก็เกรงจะรบกวนเฮ่อฮั่นจู่กับซูเสวี่ยจื้อ หลังจากลงเรือแล้วจึงไม่เห็นหน้าเขาหลายวันราวกับล่องหนหายตัวไป จนถึงวันนี้เรือแล่นเข้าสู่เมืองซวี่ใกล้จะถึงท่าเรือใหญ่เขาจึงปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับลูกน้องไปเตรียมการขึ้นฝั่ง
สำหรับซูเสวี่ยจื้อแล้วต่อจากนี้เธอไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตเป็นผู้ชายอีก ประกอบกับช้าเร็วก็ต้องแต่งงานกับเฮ่อฮั่นจู่ ต้องคืนสู่ตัวตนแท้จริงแน่นอน แต่การกลับมาครั้งนี้ยังไม่ได้พบกับเยี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ถึงแม้เยี่ยอวิ๋นจิ่นเคยบอกว่าเธอกลับมาเป็นผู้หญิงได้ทุกเวลา แต่เมื่อใคร่ครวญว่ามันมีผลต่อครอบครัวในหลายๆ ด้าน ทีแรกซูเสวี่ยจื้อจึงตั้งใจว่ากลับไปที่บ้านก่อน รอเจอกับเยี่ยอวิ๋นจิ่นซึ่งๆ หน้าแล้วค่อยปรึกษาเรื่องทั้งหมดนี้อีกที ดูว่าเมื่อไรหรือจะอาศัยโอกาสไหนเปลี่ยนสถานะกลับตามเดิม
เอาเป็นว่าเรื่องนี้เธอไม่รีบร้อน เวลานี้เธอสนใจเพียงว่างานของห้องปฏิบัติการกับโรงงานผลิตยาเข้ารูปเข้ารอยได้เร็วที่สุดเมื่อไร แต่คิดไม่ถึงว่าเธอยังอยู่กลางทางก็เกิดความวุ่นวายตามมาจากทางโน้นอีก เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของเฮ่อฮั่นจู่ ย่อมต้องชี้แจงให้ชัดเจนยิ่งเร็วยิ่งดี ด้วยเหตุนี้ไม่จำเป็นต้องใคร่ครวญอะไรอีก ทั้งคู่จึงปรากฏตัวต่อสาธารณะและเปิดเผยฐานะให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป
แต่เพราะเรื่องที่เธอกลับมาเป็นผู้หญิงแล้วยังไม่ได้บอกกล่าวให้เยี่ยอวิ๋นจิ่นรับรู้ อีกทั้งที่นี่ก็เป็นเมืองซวี่ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เธอถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามโดยไม่จำเป็นอีก การเดินทางในช่วงหลังเฮ่อฮั่นจู่จึงกลับมาสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาเป็นการปกปิดตัวตน ส่วนผู้ติดตามก็แต่งตัวแบบชาวบ้านทั่วไป อย่าว่าแต่ผู้โดยสารคนอื่นบนเรือลำเดียวกัน กระทั่งนายเรือก็ไม่รู้ว่าแขกในห้องพักชั้นหนึ่งกลุ่มนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่
เฮ่อฮั่นจู่วางแผนไว้เรียบร้อยแล้วหลังจากลงเรือ เขากับซูเสวี่ยจื้อจะไปเยี่ยมจ้าวมังกรเจิ้งที่อยู่ใกล้ๆ ก่อน แล้วค่อยส่งเธอกลับไปที่บ้านสกุลซูในตัวอำเภอทันที หลังจากนั้น…
แน่นอนว่าต้องไปเจรจาสู่ขอกับเยี่ยอวิ๋นจิ่นให้ยกลูกสาวให้แต่งงานกับเขา
นี่เป็นเรื่องเร่งด่วนในเวลานี้
ส่วนฤกษ์แต่งงานเฮ่อฮั่นจู่เคารพในการตัดสินของเยี่ยอวิ๋นจิ่นและซูเสวี่ยจื้ออย่างเต็มที่ จะรอนานแค่ไหนก็ได้ แต่ต้องหมั้นหมายจับจองไว้ก่อนและยิ่งเร็วยิ่งดี
เขาพูดกำชับหวังหนีชิวว่าไม่ต้องแจ้งให้ทางสมาคมชาวน้ำหรือใครๆ มารับที่ท่าเรือ
หวังหนีชิวพูดยิ้มๆ “ผู้บัญชาการเฮ่อเดาถูกจริงๆ ครับ ก่อนผมออกเดินทาง ทุกวันต้องมีคนจากทุกที่ส่งคนมาสอบถามกับสมาคมชาวน้ำว่าคุณกลับมาวันไหน แต่วางใจได้ ไม่มีคำอนุญาตของผู้บัญชาการเฮ่อ ผมจะกล้าบอกตามชอบใจได้อย่างไรครับ”
เรือกลไฟยังไม่ถึงฝั่ง บรรดาผู้โดยสารพากันออกจากห้อง ยืนหอบข้าวของพะรุงพะรังเบียดเสียดกันอยู่ตามทางเดินและดาดฟ้าเรือ รอเรือเทียบท่าก็แย่งกันขึ้นฝั่งแล้วแยกย้ายไปตามจุดหมายปลายทางของตนเองอย่างรีบร้อน
กลุ่มของเฮ่อฮั่นจู่กับซูเสวี่ยจื้ออยู่รั้งท้ายรอจนผู้โดยสารคนอื่นๆ ไปกันเกือบหมดแล้วถึงยกขบวนขึ้นจากเรือ
วันนี้ซูเสวี่ยจื้อสวมเสื้อผ้าชุดเก่า เป็นเสื้อเชิ้ตคู่กับกางเกง มีเสื้อโค้ตผ้าสักหลาดลายตารางคลุมทับอีกชั้นกันหนาว เธอยังไม่คุ้นกับการใส่กระโปรง รู้สึกว่ากางเกงคล่องตัวกว่า
แต่เฮ่อฮั่นจู่ชอบดูเธอสวมกระโปรง เพราะหญิงสาวในชุดกระโปรงตอบสนองความต้องการปกป้องและอัตตาของพวกผู้ชายได้ ทว่าถึงเธอแต่งตัวแบบนี้ เขาก็มองได้ไม่มีวันเบื่อเหมือนกัน และเพราะเธอไม่รัดหน้าอกอีก ต่อให้เป็นเสื้อผ้าชุดเดียวกับตอนแต่งตัวเป็นผู้ชายเมื่อก่อน พอเธอใส่ตอนนี้ก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
ขณะขึ้นฝั่งเขาสังเกตเห็นแผ่นไม้กระดานในใต้เท้าแผ่นหนึ่งเลื่อนหลุดจากที่ จึงจับแขนเธอข้างหนึ่งช่วยประคองตามความเคยชินทันที ซูเสวี่ยจื้อเงยหน้าขึ้นมองตรงไปข้างหน้าพลางใช้ข้อศอกกระทุ้งเบาๆ เหมือนอยากจะสลัดเขาออก เฮ่อฮั่นจู่กลับจับแน่นขึ้น ทั้งยังยื่นหน้ามาใกล้ๆ เอ่ยเตือนว่า “ระวังเท้าสะดุด”
เธอกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง เขาถึงเพิ่งรู้สึกได้ว่าหญิงสาวไม่ค่อยปกติเลยมองไปตามสายตาของเธอแล้วเห็นเยี่ยหรู่ชวนทันที