บทที่ 193
“เจ้าเด็กคนนี้! ลุงเป็นญาติสนิทที่สุดของเธอนะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้เธอยังปิดบังลุงเสียสนิทเลยหรือ”
เยี่ยหรู่ชวนนึกถึงข่าวลือครึกโครมในช่วงที่ผ่านมาแล้วยังใจคอไม่ดีจนถึงตอนนี้ พอขึ้นรถม้าก็อดต่อว่าต่อขานไม่ได้
“หลายวันก่อนลุงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเริ่มมาจากที่ไหน จู่ๆ เรื่องของเธอกับหลานชายสกุลเฮ่อก็แพร่กระจายไปทั้งเมือง พูดกันเสียน่าเกลียดจนแทบทนฟังไม่ได้เลยทีเดียว ยังมีจวงเถียนเซินอีกคน เธอยังจำเขาได้ไหม เจ้านั่นก็ไม่รู้จักเสียดายเงินทองส่งโทรเลขมาหาลุงติดๆ กันตั้งหลายรอบในวันเดียว ถามแต่เรื่องของพวกเธอ ลุงถึงเพิ่งรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นทางเมืองหลวงเหมือนกัน ตอนนั้นลุงตกใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน คิดอยู่ในใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอกับหลานชายสกุลเฮ่อชอบพอกันตั้งแต่ตอนไหน ทำไมลุงไม่รู้เรื่องสักนิด”
เวลานั้นเยี่ยหรู่ชวนยังตั้งตัวไม่ติด กำลังตกตะลึงงุนงงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ถึงขั้นนึกสงสัยว่าหลานชายสกุลเฮ่อรู้ความลับของหลานสาวหรือเปล่า เขาถูกตาต้องใจหลานสาวในฐานะผู้ชายจนเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตแบบนี้ขึ้นใช่ไหม หรือว่ารู้ตัวตนแท้จริงของเธอแล้ว ที่บอกกันว่าหลานสาวกับเขาเป็นคู่รักกัน ตกลงเป็นเรื่องจริงหรือว่าข่าวลือ
“วันต่อมาลุงออกจากเมืองเฉิงตูไปหาแม่เธอ เสวี่ยจื้อ เธอรู้ไหมว่าปกติพวกข่าวต่างๆ จากข้างนอกที่รู้มาถึงเมืองเฉิงตูแล้วกว่าจะไปถึงในอำเภอ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสิบกว่าวันเป็นอย่างต่ำ แต่เรื่องนี้ใช้เวลาแค่วันสองวันเอง ลุงยังไปไม่ถึงก็เจอคนรู้จักกลางทาง เขาบอกลุงว่าในอำเภอลือกันสนั่นไปทั่วแล้ว ยังพูดอีกว่าชอบมีคนไปยืนจับกลุ่มกันอยู่นอกร้านขายยาของพวกเรา ชี้นิ้วนินทาตั้งแต่เช้าจรดเย็นจนทำมาค้าขายไม่ได้ ลุงร้อนใจแทบแย่ พอไปถึงต้องรอให้ฟ้ามืดก่อนถึงเข้าไปเงียบๆ จนได้เจอหน้าแม่เธอ ลุงรึอุตส่าห์กลุ้มใจแทนแม่เธอมาตลอดทาง เครียดจนเป็นแผลร้อนใน แม่เธอกลับสบายอกสบายใจดี ยังบอกลุงว่าไม่ต้องเป็นห่วง พวกเธอแก้ปัญหากันเองได้แน่ นี่แสดงว่าแม่เธอก็รู้แต่แรกแล้วสินะ!”
เยี่ยหรู่ชวนพูดรัวเร็วเกินไปจนคอแห้ง คลำมือไปหยิบกาน้ำชาใบเล็กๆ แบบพกติดตัวที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กมุมรถมาจ่อปากกรอกลงคอพรวดๆ หลายอึก เขาหยุดพักหายใจก่อนตั้งท่าจะพูดต่อ แต่ฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จึงวางกาน้ำชาลงแล้วจ้องหลานสาวตาเขม็ง “เสวี่ยจื้อ ลุงเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าแต่เรื่องของเธอกับหลานชายสกุลเฮ่อคงไม่ใช่ว่าจ้าวมังกรเจิ้งก็รู้แล้วเหมือนกันกระมัง”
ซูเสวี่ยจื้อพยักหน้าอย่างกระดาก “ค่ะ…ก่อนหน้านี้จ้าวมังกรเจิ้งก็รู้แล้ว…”
เยี่ยหรู่ชวนคับอกคับใจมากขึ้น “ดีนัก! แม่เธอรู้ยังพอทำเนา แม้แต่จ้าวมังกรเจิ้งก็รู้แล้วแต่แรก! ที่แท้ก็ปิดลุงคนเดียวนี่เอง! มีญาติสนิทที่ไหนเป็นอย่างลุงบ้างเนี่ย”
เธอยกกาน้ำชาส่งให้เขาด้วยสองมืออย่างประจบเอาใจ “เมื่อครู่คุณลุงพูดตั้งนาน ดื่มน้ำอีกนะคะ”
เยี่ยหรู่ชวนพูดเสียงฮึดฮัด “ลุงเธอไม่ใช่โอ่งใส่น้ำนะ! ไม่ดื่มแล้ว”
เธอรีบแก้ตัวว่าไม่ได้จงใจปิดบังเขา แค่ว่าตอนนั้นยังไม่ได้ตกลงปลงใจกันแน่นอน จะบอกเต็มปากเต็มคำนักก็ไม่ดี ยังพูดอีกว่าเธอกับเฮ่อฮั่นจู่เคารพนับถือเขามาก เดิมทีตั้งใจว่าพอกลับมาถึงก็จะไปอธิบายเรื่องของพวกเธอให้คุณลุงเข้าใจเป็นคนแรก คิดไม่ถึงว่าระหว่างทางจะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ถึงได้มีเหตุการณ์นั่นทีหลัง อีกอย่างไม่ใช่เธอหรือเฮ่อฮั่นจู่บอกกับจ้าวมังกรเจิ้ง แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้จ้าวมังกรเจิ้งเดาความสัมพันธ์ของพวกเธอได้เอง
เยี่ยหรู่ชวนถึงมีสีหน้าดีขึ้น เขาเหล่ตามองหลานสาวก่อนรับกาน้ำชาที่เธอยื่นให้
ซูเสวี่ยจื้อยิ้มมุมปาก เธอรู้ว่าคุณลุงหายโกรธแล้วก็รีบซักไซ้ถึงเหตุการณ์หลังจากนั้น “ข่าวพวกหนูตอนอยู่ที่ฮั่นโข่วคงแพร่มาถึงบ้านเราแล้วใช่ไหมคะ พอคนสกุลซูรู้ว่าหนูเป็นผู้หญิงแล้วมาหาเรื่องคุณแม่หรือเปล่า”
นี่เป็นเรื่องที่เธอกังวลใจที่สุดในตอนนี้
“ลุงว่าจะพูดเรื่องนี้อยู่พอดี หลายวันนี้ชาวบ้านทุกตรอกซอกซอยในอำเภอพูดถึงเรื่องของเธอกันระเบ็งเซ็งแซ่ยิ่งกว่านกกระจอกแตกรัง กลายเป็นพวกคนสกุลซูที่ดูผิดปกติ ตอนนี้ทางนั้นเงียบกริบไม่เกิดอะไรขึ้นเลย อาหกของเธอคนนั้นปิดประตูบ้านสนิทตลอด แต่ลุงได้ยินว่าพวกเขาแอบพบกันลับๆ ยังมีพวกคนนอกคอยยุให้ไปเอาเรื่อง แต่ก็ไม่ต้องกังวลเกินไป…”
เยี่ยหรู่ชวนหยุดเว้นจังหวะแล้วพูดเข้าเรื่องสำคัญของวันนี้ในที่สุด “เรื่องของเธอกับหลานชายสกุลเฮ่อมันเป็นอย่างไรกันแน่ ชอบพอกันตั้งแต่เมื่อไร มิน่าครั้งก่อนลุงไปหาเธอที่เมืองเทียนเขาถึงให้เกียรติลุงขนาดนั้น เลี้ยงอาหารแล้วยังให้ลุงนั่งหัวโต๊ะอีก…เดี๋ยวก่อน!”
เขาแจ่มแจ้งในบัดดลและมองหลานสาวอย่างตื่นตกใจ “เสวี่ยจื้อ คงไม่ใช่ว่าเขาหมายตาเธอตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ แต่เธอเพิ่งไปเมืองเทียนนานแค่ไหนเอง ลุงก็ช่างตาถั่วดูไม่ออกจริงๆ! ไม่ได้คิดไปทางนั้นเลยสักนิด ยังนึกว่าตนเองคงมีหน้ามีตาไม่น้อย หลานชายสกุลเฮ่อถึงได้มีมารยาทกับลุงแบบนี้…”