เยี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็รู้ว่าเมื่อคืนคนสกุลซูไปเปิดประชุมกันที่บ้านลุงสาม ช่วงครึ่งแรกเป็นอย่างที่สองสามีภรรยาคู่นี้บอกจริงๆ แต่ละคนผลัดกันออกมาติเตียนด่าทอเธอจบแล้วเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะขับเธอออกจากตระกูล และให้ญาติพี่น้องรับช่วงกิจการห้างค้ายาสมุนไพรเทียนเต๋อ แต่เรื่องช่วงหลังไม่เหมือนกัน พอพูดถึงว่าจะให้ใครออกหน้าไปจัดการเรื่องนี้ ในที่ประชุมเงียบกริบ ไม่มีใครเสนอตัว ตามหลักแล้วลุงสามเป็นประมุขตระกูลก็ควรเป็นเขาออกหน้า แต่ลูกชายของเขาบอกว่าตอนนี้สุขภาพของเขาไม่แข็งแรง จะเดินเหินยังไม่ไหว ทุกคนจึงหันไปมองอาหก แต่ช่างประจวบเหมาะพอดีที่มีคนเข้ามาในจังหวะนี้บอกว่าอาสะใภ้หกไม่สบายกะทันหัน จึงส่งคนมาตามอาหกกลับบ้าน อาหกก็รีบออกไป ส่วนคนที่เหลือมองหน้ากันไปมา จากนั้นขอตัวกลับไปทีละคนสองคน การประชุมภายในตระกูลเลยจบลงห้วนๆ ไปแบบนี้ สุดท้ายแยกย้ายกันไป
เยี่ยอวิ๋นจิ่นกระจ่างแจ้งแก่ใจดีว่าสามีภรรยาคู่นี้กำลังเล่นละครต่อหน้าเธอ คนหนึ่งรับบทคนดี อีกคนรับบทคนร้าย เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย พูดโกหกหน้าตายเพื่อมุ่งหวังอะไรกันแน่
ถึงไม่มีเฮ่อฮั่นจู่เยี่ยอวิ๋นจิ่นก็มั่นใจว่าจะรับมือเรื่องที่ลูกสาวกลับคืนสู่สถานะเดิมได้ แต่ญาติพี่น้องที่อยากจับเธอแล่เนื้อเถือหนังแบ่งกันสูบเลือดสูบเนื้อใจจะขาดพวกนี้คงไม่มีทางยกธงขาวสงบศึกง่ายๆ
เยี่ยอวิ๋นจิ่นลอบทอดถอนใจ นึกเกลียดชังธาตุแท้ของคนเหล่านี้ แต่สีหน้ากลับเป็นปกติ เธอยิ้มกล่าวขอบคุณแล้วบอกว่าลูกสาวยังรอเธออยู่ คงไม่รั้งตัวพวกเขาไว้แล้ว
ทีแรกอาหกกับภรรยามาที่นี่เพราะอยากทำให้เยี่ยอวิ๋นจิ่นซาบซึ้งใจ ครั้นเห็นเธอแสดงท่าทีอย่างนี้ก็อดผิดหวังไม่ได้ แต่จำต้องลุกขึ้นเดินกลับไป เยี่ยอวิ๋นจิ่นเชิญพวกเขาออกทางประตูใหญ่ อาสะใภ้หกรีบบอกว่าออกทางประตูเล็กสะดวกกว่าและเดินใกล้กว่า เธอย่อมไม่ฝืนใจพวกเขาเป็นธรรมดา เดินตามมาถึงหน้าประตูก็หยุดยืนบอกอย่างยิ้มแย้ม “เสวี่ยจื้อรอฉันกินข้าวอยู่ ฉันคงไม่ไปส่งแล้ว อาหกกับอาสะใภ้ค่อยๆ เดินนะ”
อาสะใภ้หกยังไม่ถอดใจ กำลังจะหาจังหวะถามเรื่องแต่งงานของซูเสวี่ยจื้อกับเฮ่อฮั่นจู่ ด้วยหวังว่าตอนจัดงานจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเพื่อสานสัมพันธ์ใกล้ชิด แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นคนหลายคนยืนอยู่ด้านนอกกำลังจับจ้องมาทางนี้…เธอมองแวบเดียวก็จำได้ว่าเป็นลูกชายของลุงสามกับญาติอีกสองสามคนที่ปกติสนิทกับเขาซึ่งเคยพบปะกันพร้อมหน้าไปแล้วเมื่อคืนนี้
สองสามีภรรยาสะดุ้งตกใจ คิดจะหลบก็ไม่ทันเพราะพบกันซึ่งๆ หน้าแล้ว ได้แต่แข็งใจหยุดยืนกับที่
คนกลุ่มนี้ก็ไม่โง่เหมือนกัน ในเมื่อต่างรู้ว่าลูกหลานของสกุลเฮ่อคนนั้นมีฐานะอะไร การที่เมื่อคืนแต่ละคนเป็นเดือดเป็นแค้น นั่นแค่เพราะสถานการณ์บังคับเลยต้องแสร้งเป็นคนดีเท่านั้นเอง คืนนี้ในใจทุกคนล้วนคิดแบบเดียวกับอาหกกับภรรยา อยากตีสนิทและผูกสัมพันธ์กับครอบครัวของเยี่ยอวิ๋นจิ่น แต่ก็กลัวคนเห็นแล้วจะโดนเยาะเย้ย ด้วยเหตุนี้จึงรอฟ้ามืดแล้วแอบมาทางประตูข้าง กลับมาเจอกันตรงหน้าประตูอย่างไม่ทันตั้งตัว ส่งผลให้บรรยากาศแฝงความกระอักกระอ่วนไว้จางๆ ทันควัน
ทั้งสองฝ่ายซึ่งอยู่กันคนละฝั่งของธรณีประตูมองหน้ากันไปมาครู่หนึ่ง สุดท้ายฝ่ายหนึ่งพูดว่ามาที่นี่เพราะมีธุระ ส่วนอีกฝ่ายบอกว่าผ่านมาพอดี จากนั้นเสหัวเราะกลบเกลื่อน กล่าวลาเยี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างรู้ดีแก่ใจแล้วกลับไปพร้อมกันอย่างลุกลน ขณะเดินห่างกันไปไม่ไกลลูกชายของลุงสามเอ่ยขึ้น “อาสะใภ้หก ไหนบอกว่าไม่สบายกะทันหัน แค่คืนเดียวก็หายดีแล้วหรือ”
อาสะใภ้หกมีหรือจะยอมแพ้ เธอพูดเยาะ “ได้ยินว่าเมื่อคืนคนที่โวยวายเสียงดังที่สุดก็คือเธอนะ คืนนี้เธอมาทำอะไรที่บ้านของอวิ๋นจิ่นล่ะ”
อีกฝ่ายหน้าแดงจรดใบหู พูดตอกกลับ “อะไรกันครับ มีแต่พวกอาสะใภ้หกที่มาที่นี่และทำตัวเป็นคนดีได้ ส่วนพวกผมมาไม่ได้หรือ อาสะใภ้หกคิดว่าทำแบบนี้แล้วไม่ต้องอายใคร จะอุบเงียบไว้ทำไม ถ้าเมื่อคืนอาหกบอกมาคำเดียว ผมจะมีสิทธิ์เอ่ยปากไหมล่ะ”
เยี่ยอวิ๋นจิ่นยืนอยู่ด้านในประตู มองตามแผ่นหลังของบรรดาคนสกุลซูที่ห่างไปทีละน้อยอย่างเฉยเมย
การต่อสู้ฟาดฟันกันลับหลังที่เริ่มต้นเมื่อยี่สิบปีก่อนศึกนี้จบลงโดยสิ้นเชิงในที่สุด เธอเอาชนะคนกลุ่มนี้ที่เป็นเหมือนเสือหิวได้แล้ว
ชั่วขณะนี้เองเธอรู้สึกว่าตนเองช่างโชคดีเหลือเกินที่สวรรค์ยังเมตตา ไม่อย่างนั้นจะลิขิตให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เธอไม่ใช่คนดิบดี อีกทั้งไม่ได้สร้างคุณงามความดีอะไร แต่ท้ายที่สุดกลับให้เธอมีลูกสาวที่โดดเด่นและเข้าอกเข้าใจคนอื่นแบบนี้ ไม่เพียงเท่านี้ ลูกสาวของเธอยังบังเอิญได้พบกับหลานชายสกุลเฮ่อพอดีอีก
ลูกสาวของเธอจะมีอนาคตที่สดใสและมีความสุขอย่างไร้ข้อกังขา ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เริ่มต้นจากอดีตช่วงนั้นของเธอเมื่อยี่สิบก่อน แม้ว่ามันจะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว วันนั้นไม่อาจสมหวังได้ วันหน้าก็คงไม่ต่างกัน แต่เธอไม่รู้สึกเสียใจและไม่ควรจะเสียใจแล้ว
เยี่ยอวิ๋นจิ่นทอดสายตามองผืนฟ้าราตรีทางทิศที่ตั้งของเมืองซวี่ที่ไกลออกไปชั่วครู่ ก่อนจะเก็บงำความรู้สึกลึกซึ้งที่เผยออกมาทางดวงตาไว้แล้วหมุนตัวเข้าบ้านไป