ตอนนี้เหลืออีกสามวันจะถึงงานแต่งงานแล้ว ยังมีเรื่องมากมายก่ายกองต้องทำ แต่ซูเสวี่ยจื้อที่เดิมควรจะอยู่บ้านรอออกเรือนกลับไม่เห็นแม้แต่เงา…หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้เธอยังเดินทางไปต่างเมืองเพราะอยากหาโรงงานผลิตถังหมักที่เหมาะกับงานของเธอจำนวนมาก
หงเหลียนอยู่ที่บ้านรอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นเธอกลับมา ร้อนใจจนทนไม่ไหวจึงตามเซ้าซี้เยี่ยอวิ๋นจิ่นให้รีบส่งโทรเลขไปตามเธอกลับมาไวๆ ถ้ายังไม่กลับอีก กลัวว่าจะไม่ทันวันแต่งงานแล้ว อีกอย่างเกิดว่าที่คุณผู้ชายรู้เข้าจะคิดอย่างไร
“คราว…คราวก่อนคุณเฮ่ออุตส่าห์ตั้งใจมาหาคุณหนู จะพาเธอไปดูบ้าน เธอก็ไม่ไป บอกว่างานยุ่ง ยังทิ้งคุณเฮ่อไว้แล้วเข้าไปเลยเจ้าค่ะ ตอนนั้นคุณเฮ่อไม่ได้พูดอะไร ยังทำหน้ายิ้มๆ คุยกับฉันต่ออีกประเดี๋ยวหนึ่ง แต่ฉันดูออกว่าเขาผิดหวังนิดหน่อย นี่ก็อีกไม่กี่วันแล้ว คุณหนูก็ยังอยู่อีกเมือง ขืนให้คุณเฮ่อรู้อีก กลัวจะไม่ค่อยเหมาะนะเจ้าคะ…”
ใกล้ถึงวันแต่งงานของลูกสาวรอมร่อ หลายวันนี้เยี่ยอวิ๋นจิ่นยุ่งจนหัวปั่น ตัวเธอก็อยู่ที่ร้านยังไม่กลับบ้าน
แม้ว่าลูกสาวรับปากว่าจะกลับมาให้ทัน แต่จนเวลานี้ก็ยังไม่เห็นวี่แวว เธอเริ่มร้อนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอหงเหลียนพูดแบบนี้อีกก็พาให้ในใจชักหวั่นๆ กลัวจะเกิดเหตุอะไรขึ้นจนทำให้เสียฤกษ์แล้วจะโดนคนหัวเราะเยาะเอาได้ เธอนิ่งคิดอยู่ครู่ก่อนตัดสินใจจะไปหาพี่ชายขอให้เขาช่วยเร่งลูกสาวให้กลับมาทันที ตอนนั้นเองคนรับใช้ในบ้านคนหนึ่งได้มาหาเธอพร้อมบอกเสียงดังอย่างตื่นเต้นว่า “นายหญิงขอรับ นายหญิงน้อยเพิ่งกลับมา พ่อบ้านซูส่งผมมาบอกให้ท่านทราบ ขอให้ท่านรีบกลับไปขอรับ”
หงเหลียนกระโดดโลดเต้นจนเท้าเล็กๆ สองข้างลอยจากพื้นด้วยความดีใจ เธอกลับบ้านสกุลซูพร้อมนายหญิงโดยไม่รอช้า เยี่ยอวิ๋นจิ่นไปหาลูกสาวถึงห้อง มองลอดรอยแยกประตูที่ไม่ได้ปิดสนิทไปเห็นกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งวางบนพื้น ส่วนลูกสาวซึ่งกลับถึงบ้านแล้วยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ด้วยซ้ำนั่งอยู่หน้าโต๊ะ ก้มหน้าเขียนบางอย่างด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจมาก ดูก็รู้ว่าน่าจะเป็นเรื่องงาน
ลูกสาวกลับมาก็พอแล้ว เธอยืนอยู่นอกประตูแอบมองครู่หนึ่งแล้วเบือนหน้าไปทำมือบอกให้หงเหลียนอย่าทำเสียงดังรบกวนลูกสาว ส่วนตนเองก็ถอยออกมาเงียบๆ
เวลาสามวันผ่านไปอย่างว่องไว วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันงานแต่งงานแล้ว ทางเฮ่อฮั่นจู่ส่งคนมาแจ้งว่าเขามาถึงแล้ว พรุ่งนี้จะมารับตัวเจ้าสาวตรงตามเวลา
ลูกสาวหาคู่ครองที่ดีแบบนี้ได้ ในใจเยี่ยอวิ๋นจิ่นย่อมรู้สึกอิ่มเอมใจสุดจะกล่าว แต่ก็เหมือนกับแม่ทุกคนในโลกนี้ คืนนี้เธอรู้สึกเศร้าหมองอยู่บ้าง
หลังเธอกับพวกซูจงตรวจดูเรื่องต่างๆ ที่ต้องทำวันพรุ่งนี้จนมั่นใจว่าจัดเตรียมพร้อมสรรพหมดแล้วถึงได้วางใจ ตอนกลางดึกเยี่ยอวิ๋นจิ่นไม่รู้สึกง่วงแม้แต่นิดเดียว เธอกำลังนั่งเหม่ออยู่ตามลำพังในห้อง พลันได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นหน้าห้อง พอลุกไปเปิดประตูก็เห็นลูกสาวมาหา ซูเสวี่ยจื้อถือเชิงเทียนในมือยืนเงียบๆ อยู่นอกประตู
“เสวี่ยจื้อ? ดึกป่านนี้แล้วทำไมลูกยังไม่เข้านอนอีก”
เยี่ยอวิ๋นจิ่นประหลาดใจ
ตั้งแต่ลูกสาวกลับบ้านมาสองสามวันนี้ก็เก็บตัวตั้งหน้าตั้งตาทำงานไม่ได้ออกไปไหนเลย บอกว่ากำลังยุ่งอยู่กับการเขียนวิทยานิพนธ์อะไรสักอย่างอยู่ ไฉนจู่ๆ ถึงมาหาเธอในเวลานี้
“พรุ่งนี้เป็นวันงานมงคลของลูกนะ ลูกต้องพักผ่อนให้เต็มที่ ไม่อย่างนั้นจะไม่สดชื่น พอไม่สดชื่นก็จะไม่สวยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เขาไม่ว่าอะไรหรอก” ซูเสวี่ยจื้อหัวเราะก่อนก้าวข้ามธรณีประตูเดินเข้ามา
เยี่ยอวิ๋นจิ่นหัวเราะตามแล้วปิดประตู
ซูเสวี่ยจื้อวางเชิงเทียนลง ก่อนจะเอ่ยขอบคุณแม่ของเธอ “พวกแม่ต้องลำบากกันหมดเพราะหนู ขอบคุณนะคะ”
คนทั้งบ้านยุ่งกันจนหัวไม่วางหางไม่เว้นเพราะงานแต่งงานของเธอจริงๆ ส่วนเธอกลับเหมือนคนนอก ไม่มีหน้าที่อะไรทั้งสิ้น ทุกเรื่องมีเยี่ยอวิ๋นจิ่น หงเหลียน และพวกคุณลุงรับไปทำแทนให้หมด เธอแค่นั่งรอวันงานเท่านั้น
เยี่ยอวิ๋นจิ่นพูดยิ้มๆ “กับแม่ยังทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ แม่ก็มีลูกสาวอยู่คนเดียว ลูกจะแต่งงานแล้ว แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวในชีวิต แม่จะลำบากอะไรล่ะ ดีใจแทบไม่ทันต่างหาก”
หญิงสาวมองแม่ของเธอนิ่งๆ ไม่พูดไม่จา ฝ่ายเยี่ยอวิ๋นจิ่นโดนมองจนชักเริ่มอึดอัด ลังเลเล็กน้อยถึงเอ่ยขึ้น “ลูกมีอะไรหรือถึงมองแม่แบบนี้”
ซูเสวี่ยจื้อพูดเสียงเบา “แม่คะ หลายวันก่อนจ้าวมังกรเจิ้งมอบตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ของสมาคมชาวน้ำให้หัวหน้าสาม เขาจะจากไปแล้ว แม่คงรู้แล้วใช่ไหมคะ”
แพขนตาของเยี่ยอวิ๋นจิ่นกระพือเบาๆ ทีหนึ่ง “จู่ๆ พูดเรื่องนี้ทำไม เขาเหนื่อยมาทั้งชีวิต วนเวียนอยู่กับการตีรันฟันแทงต้องเสี่ยงอันตรายมาโดยตลอด ตอนนี้ปลดภาระลงได้ก็เป็นเรื่องดี”
“วันข้างหน้าแม่กับเขา…ไม่มีแผนการอะไรจริงๆ หรือคะ”