ซูเสวี่ยจื้อวางแถบผ้ารัดอกกลับลงตามเดิมแล้วจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนเดินออกจากหลังม่านไปเปิดประตู
เยี่ยอวิ๋นจิ่นนั่งลงข้างโต๊ะ มองดูหีบสัมภาระที่ลูกสาวจะนำติดตัวไปพรุ่งนี้เช้าซึ่งวางอยู่ริมผนัง เธอไม่ปริปากพูดขึ้นก่อน
ด้านซูเสวี่ยจื้อก็ยืนอยู่ด้านข้างเธออย่างเงียบๆ เช่นกัน
ภายในห้องเงียบเชียบ เทียนไขฝรั่ง สองเล่มบนโต๊ะลุกไหม้แผ่แสงสว่าง เปลวไฟไหวระริกเบาๆ
เยี่ยอวิ๋นจิ่นดึงสายตาคืนจากหีบสัมภาระในที่สุด “จัดของเสร็จแล้วเหรอ มีอะไรขาดเหลืออีกไหม”
ซูเสวี่ยจื้อส่ายหน้า “พวกน้าหงช่วยเตรียมให้หนูหมดแล้ว ไม่ขาดอะไรค่ะ”
เธอพยักหน้าแล้วล้วงตั๋วแลกเงินไม่ระบุตัวเลขที่ประทับตราไว้ใบหนึ่งออกจากอกเสื้อวางลงบนโต๊ะ
“สมัยนี้ออกจากบ้านเอาเงินติดตัวมากไปไม่สะดวก ถึงที่นั่นแล้วถ้าเกิดเงินทองขาดมือก็เขียนจำนวนเอาเองแล้วไปขึ้นเงินที่ร้านแลกเงินแก้ขัดเฉพาะหน้านะ”
ซูเสวี่ยจื้อพูด “ขอบคุณค่ะแม่”
เยี่ยอวิ๋นจิ่นไม่พูดตอบ เพียงลุกขึ้นยืน
ซูเสวี่ยจื้อรู้ว่าแม่จะไปแล้วเลยตามมาส่งหน้าประตู กลับเห็นเยี่ยอวิ๋นจิ่นหยุดฝีเท้ากึกหันหน้ามาอีกที
“ลูกแม่ ลูกบอกแม่มาตามตรงว่าที่ลูกทำตามแผนการของคุณลุงหนนี้ ลูกฝืนใจหรือว่าเต็มใจจริงๆ”
หญิงสาวชะงักไป
“ถ้าตอนนี้ลูกไม่เต็มใจ แม่จะไม่ฝืนใจนะ”
ซูเสวี่ยจื้อคลี่ยิ้ม “แม่ หนูไม่ฝืนใจค่ะ”
เยี่ยอวิ๋นจิ่นมองลูกสาวแวบหนึ่ง ก่อนพยักหน้าแล้วหันหลังเดินออกไป
ตอนเป็นซูชิงชิงในชีวิตก่อน เธอเคยมีแฟนคนหนึ่งตอนเรียนหนังสืออยู่ แต่ภายหลังผู้ชายคนนั้นก็ทิ้งเธอไป
เขาบอกว่าเขารักเธอมาก แต่เธอเย็นชาเห็นแก่ตัว เป็นพวกหนีสังคม ไม่ปกติ คบกับเธอแล้วเหนื่อยเกินไป เขาเลยทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
เขายังแนะนำว่าถ้าเธอจะมีความรักครั้งใหม่ให้ไปหาจิตแพทย์ก่อน จะได้ไม่ทำร้ายคนอื่นอีก
ตอนนั้นซูชิงชิงถึงรู้ว่าตนเองไม่ปกติ มีปัญหาเรื่องมนุษยสัมพันธ์ มิน่าเธอถึงเลือกอาชีพแพทย์นิติเวชที่ไม่ต้องสุงสิงกับคนเป็น ช่างเหมาะกับเธอจริงๆ
ยิ่งความรักล้มเหลวแต่เธอกลับไม่รู้สึกเสียใจ ก็ยิ่งเป็นข้อพิสูจน์เรื่องนี้
ขณะนี้ซูเสวี่ยจื้อรู้สึกว่าตนเองเผชิญกับสถานการณ์เดียวกันอีกแล้ว
ดูเหมือนเปลือกนอกที่ ‘แข็งแกร่ง’ ‘ไม่เห็นใจคนอื่น’ ของเยี่ยอวิ๋นจิ่นผู้เป็นนายหญิงของสกุลซูจะแตกทลายอย่างรวดเร็วเพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อครึ่งเดือนก่อน
อันที่จริงในตอนนี้ซูเสวี่ยจื้อสามารถแสดงความรู้สึกให้ลึกซึ้งมากขึ้นได้อย่างเต็มที่ แบบนั้นย่อมดีต่อทุกฝ่าย แต่เธอทำไม่ได้ และสุดปัญญาจะทำจริงๆ
ไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้าของร่างเดิมจะทำอย่างไร เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่อาจเปิดใจยอมรับ ‘ความผูกพันลึกซึ้งแบบแม่ลูก’ กับเยี่ยอวิ๋นจิ่นได้เลย
ความรู้สึกแบบนั้น…แปลกประหลาดเกินไป
เป็นอย่างตอนนี้…ก็ดีแล้ว
ซูเสวี่ยจื้อพูดโน้มน้าวใจตนเอง
ยามนี้ดึกมากแล้ว หญิงสาวคิดถึงว่ากำลังจะได้เริ่มต้นใช้ชีวิตในอีกโลกหนึ่งที่ทั้งแปลกใหม่ทั้งคลับคล้ายจะคุ้นเคยนี้แล้ว จะบอกว่าเธอไม่ตื่นเต้นเลยสักนิดก็คงเป็นไปไม่ได้
ซูเสวี่ยจื้อนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงคิดโน่นคิดนี่ แต่กลัวว่าพรุ่งนี้จะไม่สดชื่นเลยบังคับตนเองให้นอนหลับ
ก่อนสะลึมสะลือหลับไป เธอพลันนึกไปถึงญาติที่ตนเองกำลังจะเดินทางไปทำความรู้จักกันในคราวนี้คนนั้น
ฮั่นจู่ เยียนเฉียว…
ริมฝั่งลำน้ำฮั่น สายหมอกคลี่ลงคลุม…
คนแบบไหนกันนะถึงจะคู่ควรกับชื่อนี้…
ซูเสวี่ยจื้อรู้สึกว่าในหัวสมองที่มีแต่ความคิดซ้ำซากน่าเบื่อของตนเองนี้หาคำตอบไม่ได้จริงๆ
เธออ้าปากหาวทีหนึ่งก่อนจะหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราไป
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 8 ก.พ. 67 เวลา 12.00 น.