บทที่ 5
ช่วงครึ่งคืนหลัง ผู้หญิงห้องด้านข้างอาจจะจงใจอยากยั่วโมโหคนอื่น เธอกับอาฝูคนนั้นทำเสียงดังเป็นระยะ ตอนหลังซูเสวี่ยจื้อง่วงมากจริงๆ เลยนอนหลับไปโดยไม่สนใจอีก ส่วนเยี่ยเสียนฉีหัวเสียอยู่ทั้งคืน เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเขาเปิดประตูห้องอย่างฉุนเฉียว ก็มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังมาจากข้างห้องพอดี เห็นคนแต่งตัวเหมือนคนใช้คนหนึ่งเดินออกมา ใต้ตาดำคล้ำเหมือนหมีแพนด้า เขาอ้าปากหาวหวอดๆ ถือกระโถนเดินผ่านหน้าเยี่ยเสียนฉีไปอย่างเฉื่อยชา
ส่วนผู้หญิงในห้องเดินถือหวีสางผมที่ดัดเป็นลอนออกมา มีเสื้อคลุมห่มไหล่ไว้หมิ่นๆ เผยให้เห็นผ้าคาดอกสีเขียวสด เธอเห็นชายหนุ่มจ้องมองตนเองด้วยหน้าถมึงทึงเลยยืนพิงกรอบประตู ดึงเส้นผมที่พันติดอยู่ตามซอกหวีออกพลางปรายตามองเขาอย่างเยาะหยัน
ท่าทางอย่างนี้ดูเหมือนจะเป็นคุณนายเศรษฐีกับบ่าวรับใช้
หากเจอแบบนี้ ถึงมีเยี่ยเสียนฉีสิบคนรวมกับตัวเธอด้วยก็ยังสู้ไม่ไหว
ซูเสวี่ยจื้อออกมาเพื่อจะดึงตัวญาติผู้พี่ที่กำลังกลอกตาขึ้นด้วยความโกรธกลับเข้าห้อง ตั้งใจจะให้เขาไปบอกซูจงให้คิดหาทางแก้
ผู้หญิงคนนั้นเห็นเธอแล้วตาเป็นประกาย คลี่ยิ้มอย่างเป็นกันเอง “น้องชาย พักอยู่ห้องด้านข้างเหมือนกันเหรอ เธอจะไปที่ไหนทำอะไร”
พอเห็นดวงตาทั้งคู่ของผู้หญิงคนนั้นจ้องเขม็งไปที่ญาติผู้น้องของตนเอง
ตอนนี้ไม่ต้องให้ดึงแล้ว เยี่ยเสียนฉีรุนหลังซูเสวี่ยจื้อเข้าห้องแล้วปิดประตูทันที
“เธอระวังไว้ อยู่ห่างๆ จากผู้หญิงคนนี้ด้วย ข้างนอกมีหญิงแก่เจ้าเล่ห์พรรค์นี้เยอะแยะ คอยล่อลวงพวกเด็กหนุ่มไก่อ่อนแบบเธอโดยเฉพาะ” เขาสอนสั่งตักเตือนอย่างหวังดีจากใจจริงในฐานะญาติผู้พี่
“ตัวซวย…”
ผู้หญิงข้างห้องคงจะได้ยินคำพูดของเขา เสียงด่าอุบอิบจึงลอยออกมานอกประตูตามด้วยเสียงดังปึง ประตูห้องด้านข้างปิดลงแล้ว
เยี่ยเสียนฉีไปหาซูจงที่พักอยู่ห้องเตียงรวมชั้นล่าง หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเขาไปหาใคร ทว่าตอนกลางวันมีคนแต่งเครื่องแบบพนักงานบนเรือมาเรียกผู้หญิงคนนั้นไป จากนั้นกลางดึกไม่มีเสียงอุจาดหูอีก แต่แทนที่ด้วยเสียงเธอเรียกใช้อาฝูไม่หยุด
“อาฝู หิวน้ำ เอาน้ำให้แก้วหนึ่ง…”
“อาฝู เมื่อยขา นวดขาให้หน่อย…”
“อาฝู เจ็บหน้าอก มาคลึงให้หน่อย…”
เยี่ยเสียนฉีไปตบผนังกั้นห้องอีกครั้งอย่างสุดจะทน
เสียงของผู้หญิงคนนั้นลอยมาจากห้องด้านข้าง “รำคาญว่าหนวกหูเหรอ แน่จริงก็ไปอยู่ชั้นบนสิ”
“นั่นสิๆ ไปอยู่ชั้นบนเถอะ” อาฝูพูดเออออไปกับเจ้านาย
เยี่ยเสียนฉีแทบกระอักเลือด
คนข้างห้องทำเสียงดังเอะอะไปจนหลังเที่ยงคืนถึงเงียบไปในที่สุด ต่อจากนั้นเป็นเสียงกรนกับเสียงกัดฟันของอาฝูดังมา
ท้องฟ้าเพิ่งสว่างรำไร ซูเสวี่ยจื้อได้ยินเสียงเยี่ยเสียนฉีลุกลงจากเตียงดังสวบๆ
เธอลืมตาอย่างงัวเงียพลางถามเสียงอู้อี้จากอีกฝั่งหนึ่งของม่าน
“ฉันออกไปเดินเล่นประเดี๋ยวหนึ่ง เธอนอนต่อเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน”
หญิงสาวง่วงนอนจริงๆ เธอฉวยจังหวะห้องด้านข้างยังไม่ทำเสียงรบกวนตอนนี้ หลับตานอนชดเชยต่อ
ด้านเยี่ยเสียนฉีเขาพุ่งตรงไปที่ชั้นล่าง
ซูจงอายุมากแล้วจึงนอนน้อยเป็นปกติ ประกอบกับออกมาข้างนอก เขาต้องคอยระแวดระวังตลอดเลยตื่นนอนตั้งนานแล้ว
“นายน้อยเยี่ย เช้าขนาดนี้ไม่นอนหรือขอรับ หรือว่าเมื่อคืนคนข้างห้องทำตัวเป็นนกฮูกอีกแล้ว” ซูจงเป็นห่วงนายน้อยหญิงของตนเอง