บทที่ 6
ยังไม่ทันขึ้นไปก็เจอเรื่องแบบนี้เสียแล้ว
ต่อให้ข้างบนเป็นพระราชวังต้องห้าม ซูเสวี่ยจื้อก็ไม่สนใจแล้ว อีกอย่างเธอสังหรณ์ใจว่าคุณชายหวังกับเยี่ยเสียนฉีดูเหมือนจะไม่ได้เป็นคนรู้จักกันมาก่อนอย่างที่บอก แต่ถึงที่สุดแล้วเธอก็ไม่ใช่พวกเอาแต่ใจตัวเองมากขนาดนั้น พอเห็นท่าทางตั้งตารอคอยอย่างตื่นเต้นคึกคักของญาติผู้พี่ก็ไม่อยากให้เขาเสียอารมณ์ เธอจึงย้ายตามไปโดยไม่ปริปากว่าอะไร
สภาพห้องพักชั้นบนดีกว่าชั้นล่างไม่น้อย หลังจัดของเสร็จซูจงก็ลงไป สองลูกพี่ลูกน้องได้อยู่คนละห้อง เรื่องที่พักถึงลงตัวเรียบร้อยไปด้วยประการฉะนี้
ไม่ถึงสองวัน ซูเสวี่ยจื้อก็รู้ข้อมูลคร่าวๆ ของกลุ่มคนที่เหมาห้องพักชั้นนี้ไว้จากปากของเยี่ยเสียนฉี
บนชั้นนี้หากไม่นับพวกเธอสองคน น่าจะมีคนพักอยู่ทั้งหมดหกคน
มีคุณชายหวัง ป้าหวังคนใช้ ผู้คุ้มกันสองคนของคุณชายหวัง รวมถึงคนที่ชื่อเป้าจื่อ
นอกจากนี้ยังมีอีกคนหนึ่ง แต่เธอยังไม่ได้พบหน้าเขา
คนผู้นั้นคล้ายไม่ชอบออกมาข้างนอก เขาเก็บตัวอยู่ในห้องทั้งวันแบบเดียวกับเธอ คุณชายหวังดูท่าทางจะเคารพเขามากและเรียกเขาว่า ‘พี่สี่’ จึงน่าจะมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดมากกว่าคนอื่นๆ ที่เอ่ยถึงเขาด้วยคำเรียกขานว่า ‘ท่านสี่’
ส่วนเป้าจื่อคนนั้นคงเป็นคนของท่านสี่อะไรนั่น
จุดหมายปลายทางของคนกลุ่มนี้คือเมืองหลวง
เมืองเทียนอยู่ห่างจากเมืองหลวงแค่ไม่กี่ร้อยหลี่ นั่งรถไฟใช้เวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น พอจะนับว่าเป็นเพื่อนร่วมทางกับพวกเธอได้อย่างถูๆ ไถๆ
สำหรับคุณชายหวัง มีชื่อจริงว่าถิงจือ น่าจะมีเทือกเถาเหล่ากอดีพอสมควร ก่อนหน้านี้เหมือนเขามาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่ชนบทสักแห่งแถบนี้และพักอยู่ชั่วคราวช่วงหนึ่งก่อนเดินทางกลับ เขาเป็นคนรักสนุก นอกจากเล่นไพ่แล้ว ยังชอบร้องอุปรากรเป็นงานอดิเรก เชี่ยวชาญทั้งบทร้อง บทพูด และบทบู๊ เวลาโมโหขึ้นมาจะใจร้อนนิดหน่อย แต่เวลาส่วนใหญ่เป็นคนอัธยาศัยดี
ตัวซูเสวี่ยจื้อเองก็ประจักษ์ได้อย่างรวดเร็วว่าชั้นนี้ว่างโล่งจริงๆ
พื้นที่ของดาดฟ้าเรือนี้เดิมก็กว้างขวางกว่าชั้นล่างมากอยู่แล้ว ทางฝั่งท้ายเรือยังมีมุมพักผ่อนอีกจุดหนึ่ง วางเก้าอี้อาบแดดแบบมีที่บังแดดไว้หลายตัว ถึงเป็นตอนกลางวันก็ว่างโหรงเหรงแทบไม่เห็นวี่แววผู้คน
แต่ถึงจะดีสักแค่ไหนก็ไม่ใช่ที่ของตนเอง อย่างว่าปัญหายิ่งน้อยยิ่งดี ต่อให้อยู่ว่างๆ เธอก็ไม่อยากออกไปเดินเตร็ดเตร่นอกห้อง
ในเมื่อเยี่ยเสียนฉีบอกคุณชายหวังว่าเธอสุขภาพไม่ดี หลังจากขึ้นมาแล้วซูเสวี่ยจื้อก็สวมบทบาทตามที่เขาวางไว้ ทุกวันเธอแทบไม่ค่อยออกจากห้องเลยยกเว้นจำเป็นจริงๆ
เธอใช้เวลานี้วิเคราะห์เปรียบเทียบความเหมือนความต่างระหว่างการแพทย์ของยุคนี้กับที่เธอเคยเรียนมา หรือถ้าไม่ทำอะไรทั้งนั้น นอนเล่นก็ไม่เลว เพราะพอผลักบานหน้าต่างในห้องเปิดออก มองไปข้างนอกจะเห็นทัศนียภาพริมฝั่งน้ำที่สวยงามตระการตา ดังนั้นถึงเก็บตัวอยู่ในห้อง ซูเสวี่ยจื้อก็ไม่ได้รู้สึกว่าวันเวลาน่าเบื่อถึงขั้นยากจะทานทนสักเท่าไร
ญาติผู้พี่ของเธอเล่นไพ่บริดจ์เป็นเพื่อนคุณชายหวัง และดูเหมือนจะเป็นที่ต้อนรับของคนอื่นๆ มากพอดู ตอนป้าหวังคอยเติมน้ำชาอยู่ข้างโต๊ะเล่นไพ่บริดจ์ ฟังเยี่ยเสียนฉีเล่าว่าเขาเรียนแพทย์ทั้งด้านอายุรศาสตร์และศัลยศาสตร์ควบคู่กัน ไม่เพียงรอบรู้การรักษาโรคต่างๆ ด้วยยา ยังช่ำชองด้านศัลยกรรม อย่างเรื่องการผ่าตัดเปิดท้องนั้นทำได้สบายๆ ป้าหวังจุปากด้วยความทึ่งเหลือหลาย ทั้งยังให้ความเอ็นดูมาถึงญาติผู้น้องที่ร่างกายอ่อนแอ เวลาทำอาหารมื้อดึกก็ไม่ลืมทำเผื่อเธอด้วย
เพราะได้พึ่งใบบุญของญาติผู้พี่ที่หัวดีเรียนเก่ง ถึงซูเสวี่ยจื้อไม่ออกไปข้างนอกก็ยังได้กินอาหารมื้อดึกรสอร่อยเป็นพิเศษ