เธอมองเยี่ยเสียนฉีที่ทำสีหน้าเป็นกังวลพลางพยักหน้า “ไม่เป็นไร พี่สอนผมตอนนี้ก็ได้”
พอญาติผู้น้องรับปาก เขารู้สึกโล่งอกที่เธอพูดง่ายกว่าเมื่อก่อนมากและกุลีกุจอดึงเธอนั่งลงข้างโต๊ะ ใช้เวลาสิบนาทีอธิบายให้เธอฟังจบแล้วพูดว่า “ไม่เข้าใจตรงไหน ค่อยถามฉันอีกที”
ซูเสวี่ยจื้อบอก “น่าจะเป็นแล้ว”
เยี่ยเสียนฉีประหลาดใจ ด้านคุณชายหวังที่ก้มตัวแทงลูกสนุกเกอร์อยู่ด้านข้างหยุดมือแล้วเบือนหน้ามามองเธอทางหางตา
“แน่ใจนะ” เยี่ยเสียนฉียังไม่ค่อยเชื่อเท่าไร
เธอพยักหน้าตอบ “เข้าใจกติกาพื้นฐานแล้ว ลองดูได้ ส่วนที่ซับซ้อนหน่อยไว้ค่อยๆ เรียนรู้อีกทีตอนเล่น”
คุณชายหวังล้วงนาฬิกาพกออกมาดูเวลา ก่อนวางไม้คิวลงแล้วเดินเข้ามาพูดว่า “ใช้ได้นี่ น้องชายคุณเป็นเร็วขนาดนี้คงเป็นเด็กฉลาดมีพรสวรรค์สินะ อย่างนั้นก็เริ่มกันเลยเถอะ วางใจ พวกเราจะลงเงินน้อยหน่อย”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงแฝงหยอกเย้า จากนั้นหันไปเรียกผู้คุ้มกันมาแล้วทั้งสี่คนก็นั่งลง
ซูเสวี่ยจื้อย่อมจับคู่กับเยี่ยเสียนฉี ทั้งสองคนนั่งฝั่งตรงข้ามกันทางทิศตะวันออกกับตะวันตกของโต๊ะ ขณะที่คุณชายหวังกับผู้คุ้มกันของเขานั่งทางทิศเหนือกับทิศใต้
หลังจากเกมไพ่เริ่มต้นขึ้น ตอนแรกเยี่ยเสียนฉียังวิตกอยู่บ้าง เขาไม่ได้กลัวเสียเงิน แต่เป็นห่วงว่าญาติผู้น้องจะจำกติกาซับซ้อนของไพ่บริดจ์ไม่ได้แล้วเล่นผิดๆ ถูกๆ จนทำให้คุณชายหวังไม่พอใจ แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเล่นไม่พลาดเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่แค่ไม่พลาด ทว่ายังจำไพ่ได้ไม่ผิดสักใบและเล่นได้เข้าขากับเขา ประกอบกับเขามือขึ้นอีกด้วย เป็นคนลีดไพ่ แล้วกินรวบได้ทั้งสิบสามกอง และเป็นคนแรกที่ทำแต้มแบบแกรนด์สแลม ได้ในรอบหลายวันนี้ด้วย
ตอนจบเกมแล้วได้เงินมา ชายหนุ่มไม่ค่อยอยากจะเชื่ออยู่สักหน่อย เขาหัวเราะร่วนอย่างกลั้นไม่อยู่จริงๆ แต่ขณะหัวเราะไปก็เหลือบเห็นคุณชายหวังชักทำสีหน้าไม่ดี จ้องญาติผู้น้องของตนเองเขม็งโดยไม่พูดจา เขาจึงหยุดกึก
ด้านผู้คุ้มกันที่นั่งอยู่ด้วยกันเบิกตากว้างแทบถลนออกมา
เมื่อแรกตอนพวกเขาโดนคุณชายหวังบังคับให้หัดเล่นไพ่นี้ ทึ้งผมหลุดไปกี่เส้นก็ไม่รู้ถึงพอเล่นเป็นแบบถูๆ ไถๆ และเรียนรู้เคล็ดลับได้ทีละน้อย
เจ้าหนุ่มหน้าอ่อนคนนี้เล่นเป็นเร็วขนาดนี้เชียวเหรอนี่
ซูเสวี่ยจื้อเหลือบตาขึ้นส่งยิ้มให้คุณชายหวัง “เมื่อครู่นี้ลืมบอกไปว่าจริงๆ แล้วเมื่อก่อนผมเคยหัดเล่นอยู่หลายวันตอนอยู่วิทยาลัยครับ”
ด้วยเหตุนี้คุณชายหวังถึงมีสีหน้าดีขึ้น เขาเบะปากเอ่ย “เอาใหม่อีกตา!”
คืนนี้พวกเขาเล่นไพ่กันจนดึกดื่น จนคุณชายหวังอ้าปากหาวพยักหน้าให้วงไพ่แยกย้ายได้ หลังจากเล่นไพ่กันอย่างนี้ติดๆ หลายวัน ซูเสวี่ยจื้อก็เจอกับปัญหาใหญ่อันดับหนึ่งนับตั้งแต่มาที่นี่
ระดูของเธอมาแล้ว เธอรู้สึกปวดบั้นเอวและปวดหน่วงๆ ที่ท้องน้อยเป็นระลอก
แต่แค่นี้ยังพอทนได้ จุดสำคัญคือเธอเป็นห่วงว่าของที่หงเหลียนเตรียมให้เธอสำหรับการนี้จะรั่วซึม ดังนั้นวันนั้นเลยบอกว่าตนเองไม่สบายและหลบอยู่ในห้องไม่ลุกลงจากเตียง พอหยุดพักไปสองวันถึงสบายเนื้อตัวขึ้นบ้างในที่สุด เย็นวันนี้หญิงสาวอ่านหนังสืออยู่ในห้อง รู้สึกกระหายน้ำเล็กน้อย บังเอิญว่าน้ำในกาหมดพอดี เธอหยิบกาน้ำเดินออกจากห้อง ตั้งใจจะไปเติมน้ำในห้องครัวเอง ตอนออกมาระเบียงทางเดิน มองผ่านหน้าต่างกระจกเห็นแสงสนธยาอาบไล้พื้นดาดฟ้า ก็เห็นคุณชายหวังกำลังยืนร้องบทพูดอุปรากร
“…ข้านี้ออกจากเมืองเยี่ยนมา อันทิวทัศน์เมืองเหมยหลงแสนลานตา มอบตราลัญจกรหยกแก่พระมารดา ฝากฝังงานราชกิจกับเหล่าเสนา…”
สุ้มเสียงของเขาเป็นท่วงทำนองสูงต่ำพลิกพลิ้ว ญาติผู้พี่ของเธอร้องชมอยู่ด้านข้าง
คุณชายหวังผู้ชื่นชอบการร้องอุปรากรกำลังหาความบันเทิงเริงใจให้ตนเองอีกแล้ว