คฤหาสน์สกุลเลี่ยวในเขตซินเจี้ยทางทิศตะวันออกของเมืองประดับประดาทั้งภายนอกภายในเป็นสีขาวเพื่อไว้ทุกข์ นอกประตูใหญ่มีพวงหรีดซึ่งส่งมาจากผู้คนทุกแวดวงตั้งเรียงรายเต็มพืดไปตามริมถนนสองฝั่งจนแทบมองไม่เห็นหางแถว
แม้แต่ประธานาธิบดีก็ยังสั่งให้คนส่งพวงหรีดมา หลังจากท่านรู้ข่าวแล้วตกใจและเศร้าเสียใจมาก ขณะนี้มันวางอยู่ตรงตำแหน่งเด่นสะดุดตาที่สุดในโถงตั้งศพ
คนที่แต่งตัวแบบนักข่าวหนังสือพิมพ์สิบกว่าคนกำลังดักเฝ้าอยู่บริเวณหน้าประตูทางเข้า คอยจับสังเกตแขกที่มาเคารพศพไม่ขาดสาย
ทันใดนั้นทุกคนเห็นรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจากที่ไกล พอรถหยุดจอดสนิท คนขับรถวิ่งลงมาเปิดประตู คนคนหนึ่งก้มตัวลงมาจากบนนั้น เขาแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารกับรองเท้าขี่ม้าอย่างสุภาพเรียบร้อย เมื่อจำได้ว่าเป็นเฮ่อฮั่นจู่ผู้บัญชาการหน่วยทหารรักษาการณ์ พวกนักข่าวหนังสือพิมพ์พากันยกกล้องถ่ายเก็บภาพเขาด้วยความตื่นเต้นคึกคักอย่างสุดระงับ
รอมานานหลายวันในที่สุดเฮ่อฮั่นจู่ก็มาปรากฏตัวในงานศพเสียที
ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมองมาด้วยความรู้สึกนึกคิดต่างๆ กันไปจากด้านข้าง ชายหนุ่มย่างเท้าข้ามธรณีประตู เดินไปตรงหน้าแท่นบูชาซึ่งแขวนตัวอักษรขนาดใหญ่คำว่า ‘เตี้ยน*’ ไว้ รอให้ซุนเมิ่งเซียนที่มาถึงก่อนเข้าจุดธูปไหว้ศพด้วยหน้าตาเคร่งขรึมหม่นหมองเสร็จ ถึงก้าวเข้าไปเผากระดาษเงินกระดาษทองปึกหนึ่งด้วยตนเอง
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างทุกข์ระทมของพวกผู้หญิงในสกุลเลี่ยวที่อยู่รอบหีบศพค่อยๆ เบาลง
สายตานับไม่ถ้วนจากทั้งสี่ทิศพุ่งตรงมาที่เขาประหนึ่งลูกธนูลับ
เฮ่อฮั่นจู่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย มือของเขาถือกระดาษเงินกระดาษทองไว้กลางอากาศให้ติดไฟได้เร็วขึ้น
ประกายเพลิงลุกโชน ส่องกระทบดวงหน้าคมเข้มที่สงบนิ่งของเขา
เขาหลุบตาน้อยๆ มองดูกระทั่งเปลวไฟลามเลียกระดาษสีทองจนม้วนงอมอดไหม้ไปครึ่งหนึ่ง ก่อนจะยกขึ้นโยนใส่ถังเผากระดาษ โค้งคำนับสองทีเป็นอันเสร็จสิ้นการเคารพศพ จากนั้นค้อมศีรษะนิดหนึ่งให้ผู้ประกอบพิธีด้านข้างที่ขอบคุณเขาแล้วหมุนตัวจะเดินออกจากโถงตั้งศพ ฉับพลันนั้นชายสวมชุดผ้าดิบคนหนึ่งชักปืนก้าวเข้ามาจ่อไปที่กลางอกเขา
“คนแซ่เฮ่อ แกแน่มาก! ยังกล้าโผล่หน้ามาอีกหรือ แกนั่นล่ะเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง แกมาได้จังหวะพอดี ฉันจะล้างแค้นให้พี่น้องฉันเดี๋ยวนี้เลย!”
ชายคนนี้คือเลี่ยวโซ่วกวงญาติผู้น้องของเลี่ยวโซ่วหลิน เป็นนายทหารยศพลตรีคนหนึ่งใต้บังคับบัญชาของเขา
ดวงตาทั้งคู่ของเลี่ยวโซ่วกวงเบิกถลน ปีกจมูกขยับไปมาด้วยความเดือดดาล เขากัดฟันกรอดๆ มองเฮ่อฮั่นจู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น
กริ๊ก!
เขาง้างไกปืน
บรรยากาศทั้งงานเขม็งเกลียวในฉับพลัน
ผู้ว่าฯ โจวก็อยู่ด้วย เขานั่งอยู่ข้างโต๊ะเห็นดังนั้นก็สะดุ้งตกใจ ลุกพรวดขึ้นจะเข้าไปห้าม แต่เห็นซุนเมิ่งเซียนลอบขยิบตาให้ เขาละล้าละลังเล็กน้อยแล้วค่อยๆ หยุดฝีเท้า
เสียงร่ำไห้กระซิกๆ ของพวกผู้หญิงภายในโถงตั้งศพก็หยุดลงทันใด รอบด้านเงียบกริบไร้สุ้มเสียง ได้ยินเพียงเสียงหายใจแรงๆ ดังฟืดฟาด บ่งชัดถึงความเด็ดเดี่ยวในเสี้ยวขณะนี้ของเลี่ยวโซ่วกวง
เฮ่อฮั่นจู่มองปากกระบอกปืนดำมะเมื่อมที่หันมาทางเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปยกมือกำกระบอกปืนไว้แล้วดึงเข้ามาใกล้ๆ ให้ปากกระบอกปืนจ่อตรงตำแหน่งหว่างคิ้วของตนเอง
กระดาษเงินกระดาษทองที่เพิ่งโยนลงถังเผากระดาษที่มีถ่านไฟคุแดงโดนเผามอดไหม้หมดสิ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นระลอกหนึ่งแล้วอ่อนแรงลง เหลือไว้แค่ควันลอยอ้อยอิ่ง และค่อยๆ สลายหายไปในอากาศเจือกลิ่นไหม้จางๆ รอบตัวในที่สุด
เฮ่อฮั่นจู่จ้องตากับเลี่ยวโซ่วกวงตรงหน้าครู่หนึ่งถึงพูดขึ้นว่า “ทำไมไม่เหนี่ยวไกล่ะ” น้ำเสียงของเขาราบเรียบยิ่ง
มือข้างที่ถือปืนไว้ของเลี่ยวโซ่วกวงถูกจับยกขึ้นสูงเริ่มสั่นเทาน้อยๆ ในดวงตาไม่มีแววดุดันกล้าหาญเหมือนชั่วอึดใจก่อนหน้าให้เห็นอีก เขาหลบสายตาที่จ้องมองมานิ่งๆ อย่างลังเลไม่แน่ใจ
เฮ่อฮั่นจู่ตวัดข้อมือแย่งปืนจากมือเลี่ยวโซ่วกวงมาอย่างง่ายดาย หมุนปืนกลับแล้วใช้ส่วนด้ามฟาดกลางหน้าผากเลี่ยวโซ่วกวงเต็มแรงในพริบตาเดียวอย่างไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวสักนิด
แรงฟาดที่หนักหน่วงทำให้เลี่ยวโซ่วกวงล้มลงกับพื้น ศีรษะแตกเลือดไหลลงมาจากหน้าผากทันควัน
ทุกคนตกใจยกใหญ่ พากันวิ่งกรูมาแต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆ ส่วนพวกผู้หญิงกรีดร้องเสียงแหลม
เฮ่อฮั่นจู่มองเลี่ยวโซ่วกวงที่ล้มลงนั่งกับพื้นกุมหัวไว้ ท่าทางยังดึงสติคืนมาไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด เขาโยนปืนที่ด้ามจับเปื้อนเลือดทิ้ง ใช้สองมือยกขากางเกงก่อนย่อตัวลงตรงหน้าอีกฝ่าย มองหน้าผากที่มีเลือดไหลไม่หยุดอย่างพินิจพิจารณาแล้วโคลงศีรษะ ล้วงผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดในกระเป๋าเสื้อของตนเองออกมา ยื่นมือไปใช้มันเช็ดคราบเลือดซึ่งเปรอะเปื้อนบริเวณดวงตาข้างหนึ่งของเลี่ยวโซ่วกวงออก ก่อนจะใช้ผ้ากดปากแผลไว้ให้
“พลตรีเลี่ยว เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ทุกคนต่างอยู่ในอารมณ์ย่ำแย่ทั้งนั้น ผมเข้าใจได้ แต่คุณทำแบบนี้จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่ายมาก ผมเป็นคนห่วงชื่อเสียงมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นจำเป็นต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจกันหน่อย ผมมือหนักไปนิด หวังว่าคุณจะไม่ถือสานะ”
เฮ่อฮั่นจู่หยักยิ้มน้อยๆ พร้อมจับมือของเลี่ยวโซ่วกวงขึ้นมากดผ้าเช็ดหน้าบนแผลเอาเอง จากนั้นค่อยลุกขึ้นยืน สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเย็นชา เขาไม่มองคนรอบด้านสักแวบเดียว ก้าวขาเดินออกไปทิ้งเลี่ยวโซ่วกวงไว้ที่เดิม
แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปของนักข่าวดังขึ้นอีกระลอกหนึ่ง ชายหนุ่มพร้อมด้วยผู้ติดตามสองคนซ้ายขวาก็ขึ้นรถยนต์ออกจากคฤหาสน์สกุลเลี่ยวไป