ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง
ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 68-69
บทที่ 69
คนที่โทรมาหาเฮ่อฮั่นจู่คือคุณหนูเฉา บอกว่าอีกสองสามวันจะถึงสุดสัปดาห์แล้ว บังเอิญตรงกับวันคริสต์มาสซึ่งเป็นเทศกาลใหญ่ของชาวตะวันตก ปีนี้สถานกงสุลของประเทศต่างๆ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จะจัดงานเลี้ยงฉลองที่โรงแรมเทียนเฉิงร่วมกัน ภริยาของท่านกงสุลอังกฤษเป็นเพื่อนรักของเธอเลยส่งบัตรเชิญมาให้ เธอได้ยินว่าเขาได้รับเชิญเหมือนกัน ส่วนเธอขาดเพื่อนเต้นรำ อยากถามเขาว่าเต็มใจไปงานด้วยกันไหม
เฮ่อฮั่นจู่ตอบตกลงทันที
คุณหนูเฉาพูดว่า “ขอบคุณมากค่ะ วันงานคุณผูกเนกไทที่ฉันให้คุณคราวก่อนดีไหม ฉันมีกระโปรงตัวหนึ่ง ตั้งใจว่าจะใส่ไปงานนี้ สีเข้ากับเนกไทเส้นนั้นพอดีค่ะ”
“ไม่มีปัญหาครับ” เฮ่อฮั่นจู่รับคำเช่นเดิม
คุณหนูเฉาเอ่ยอย่างร่าเริง “ถ้าอย่างนั้นตกลงตามนี้นะคะ จริงสิ เย็นนี้หลันเสวี่ยว่างไหมคะ ถ้าว่างฉันจะไปรับ คุณนายหม่าบอกว่าห้างสรรพสินค้าของเธอมีเสื้อผ้าฝรั่งกับเครื่องประดับรุ่นใหม่ล่าสุดเพิ่งเข้ามา ฉันจะพาหลันเสวี่ยไปเดินเที่ยวที่นั่น จะได้ไม่ต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านคนเดียว”
“น้องผมใกล้สอบปลายภาคแล้ว พักนี้คร่ำเคร่งอยู่กับการอ่านหนังสือ คุณไปเองเถอะ” เฮ่อฮั่นจู่เอ่ย
คุณหนูเฉานิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา การสอบเป็นเรื่องสำคัญ ฉันไปเองได้ แล้วจะช่วยดูด้วยว่ามีของที่เหมาะกับเธอไหมนะคะ คุณทำงานของคุณเถอะ ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว”
เฮ่อฮั่นจู่ทำเสียงตอบในลำคอ พอคุยโทรศัพท์จบ เขาคิดถึงว่าสองสามวันนี้ตนเองออกเช้ากลับดึก กว่าจะถึงบ้าน น้องสาวก็เข้าห้องนอนหลับไปแล้วไม่ค่อยได้พบหน้ากันเท่าไร ไม่รู้ว่าช่วงนี้อารมณ์ของเธอเป็นอย่างไรบ้าง เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นอีกครั้ง ต่อสายไปที่บ้านถามไถ่ถึงน้องสาว
คนที่รับโทรศัพท์คือเหมยเซียง เล่าว่าเมื่อเช้าก่อนคุณหนูออกจากบ้าน บอกคำหนึ่งว่าวันนี้ทางวิทยาลัยจัดกิจกรรมเพื่อสังคมอะไรสักอย่าง เหมือนจะขานรับการรณรงค์ของกลุ่มเลิกฝิ่นกับกลุ่มต่อต้านการรัดเท้า แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มๆ ไปเผยแพร่การเลิกฝิ่นและไม่รัดเท้าที่ลานกว้างหน้าวัดเฉิงหวง
“คุณหนูไปร่วมกิจกรรมด้วย คนขับรถก็ตามไปเจ้าค่ะ ฉันอยากไปเหมือนกัน คุณหนูเห็นด้วยแล้วนะเจ้าคะ ยังบอกว่าฉันไปเข้าร่วมชั้นเรียนภาษาจีนในกลุ่มเล่าเรียนเขียนอ่านของสโมสรสตรีได้อีกด้วย! แต่ป้าอู๋ไม่ยอมให้ฉันไปเจ้าค่ะ” เหมยเซียงได้ทีพูดโอดครวญกับเขา
คนขับรถรับส่งเฮ่อหลันเสวี่ยเป็นคนที่เป้าจื่อคัดเลือกเอง ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี เฮ่อฮั่นจู่จึงวางใจมาก เขาคลายยิ้มพูดปลอบสาวใช้คำหนึ่งว่าคราวหน้าจะบอกป้าอู๋ให้อนุญาตเธอไปเรียนหนังสือยามว่างได้
เหมยเซียงดีอกดีใจยกใหญ่ กล่าวขอบคุณเขาซ้ำๆ
เฮ่อฮั่นจู่วางหูโทรศัพท์แล้วสะสางงานต่อ
บริเวณลานกว้างหน้าวัดเฉิงหวงในเขตเมืองเก่าของเมืองเทียนหนาแน่นไปด้วยร้านรวงต่างๆ มากมาย ตั้งแต่เช้าจรดเย็นมีผู้คนผ่านไปผ่านมา รถราสัญจรขวักไขว่ ทว่าพวกโจรฉกชิงวิ่งราวและ ‘กลุ่มนักต้มตุ๋น’ สารพัดรูปแบบก็ชุกชุมออกอาละวาดอย่างอุกอาจเช่นกัน ก่อนหน้านี้ช่วงที่หนักข้อที่สุดมีคนแจ้งความนับสิบรายในวันเดียว ถ้าไม่ใช่ทรัพย์สินสูญหายหรือถูกขโมย ก็โดนคนรวมหัวกันหลอกเงิน นี่เป็นแค่ส่วนที่มาแจ้งความ ยังมีพวกที่คิดว่าตนเองดวงตกเลยไม่ได้แจ้งความอีกนับไม่ถ้วน ส่งผลให้เกิดเสียงติเตียนด้วยความไม่พอใจในหมู่ชาวเมืองเป็นวงกว้างแล้ว
สองเดือนนี้ซุนเมิ่งเซียนอธิบดีกรมตำรวจดูแลควบคุมงานรักษาความสงบเรียบร้อยของเมืองอย่างใกล้ชิด สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาส่งตำรวจสายตรวจผลัดเวรกันออกลาดตระเวนทุกวัน รุกปราบปรามอย่างเข้มงวดกวดขัน
หน่วยที่รับผิดชอบรักษาความสงบเรียบร้อยของแถบนี้คือสถานีตำรวจย่อยเขตสอง หัวหน้าของที่นี่แซ่เยี่ยเหมือนกับเยี่ยเสียนฉีและรู้จักกับอีกฝ่ายด้วย เขาเห็นชายหนุ่มมาหาจึงยื่นบุหรี่ให้ซองหนึ่ง อีกทั้งชายหนุ่มยังเรียกเขาว่า ‘คุณอา’ อย่างเต็มปากเต็มคำ บอกว่าวันนี้อยากสับเปลี่ยนพื้นที่รับผิดชอบกับเขา จะขอลาดตระเวนแถวนี้แทนให้
เหล่าเยี่ยเห็นเยี่ยเสียนฉีขันอาสาแลกเวรปฏิบัติหน้าที่แล้วก็อดแปลกใจไม่ได้ ครั้นมองตามสายตาชายหนุ่มไปเห็นนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาสวมเสื้อฟ้าและกระโปรงดำกลุ่มหนึ่งกำลังแจกใบปลิวให้คนบนถนนตรงเบื้องหน้าไม่ไกลก็ร้องอ๋อทันที เหล่าเยี่ยหัวเราะร่วน ใช้ไม้กระบองตำรวจจิ้มๆ หมวกของตนเอง “ได้สิเจ้าหนุ่ม เห็นแก่ที่เป็นคนแซ่เดียวกัน ฉันจะช่วยให้สมหวัง ฝากทางนี้ด้วยนะ”
เยี่ยเสียนฉีพร่ำขอบคุณซ้ำๆ บอกว่าคราวหน้าจะเลี้ยงเหล้าอีกฝ่าย พอเหล่าเยี่ยไปแล้ว เขาจึงบอกให้ลูกน้องไปลาดตระเวนทั่วๆ ส่วนตนเองยืนมองนักเรียนหญิงกับคนของสโมสรสตรีกลุ่มนั้นทำงานอยู่ด้านข้าง
เรื่องที่พวกเธอเผยแพร่คือการเลิกฝิ่นและการไม่รัดเท้า ซึ่งผู้คนตามท้องถนนให้ความสนใจน้อยมาก หนำซ้ำยังกลัวจะถูกดึงตัวไว้ฟังคำสาธยายทำให้เสียเวลา จึงพากันเดินเลี่ยงไปทางอื่น ส่วนคนที่เป็นฝ่ายเข้าไปเองนั้นมีแทบนับนิ้วได้
ท้องฟ้ามืดสลัวลงทีละน้อยคล้ายใกล้ฝนตก เยี่ยเสียนฉีเห็นเฮ่อหลันเสวี่ยถือกระดาษปึกหนึ่งไว้ในมือ นานสองนานก็แจกออกไปได้ไม่กี่ใบ เขาย่นหัวคิ้วเข้าหากัน เรียกลูกน้องหัวไวคนหนึ่งมาสั่งการสองสามคำ ไม่นานนักคนที่เดินผ่านแถวนี้ก็ถูกเกณฑ์มา
ด้านเฮ่อหลันเสวี่ยกำลังกลุ้มใจว่าคนที่ผ่านไปผ่านมาขาดความตระหนักและไม่รับฟังคำเผยแพร่อยู่ จู่ๆ เห็นคนโขยงหนึ่งแห่เข้ามาแย่งขอใบปลิว เธอรีบเรียกเพื่อนนักเรียนให้มาช่วยแจกพร้อมกับพูดถึงอันตรายของการสูบฝิ่นและการรัดเท้า ไม่นานนักใบปลิวที่พิมพ์ขึ้นในวันนี้ก็แจกออกไปได้เกือบหมดในเวลาสั้นๆ เหลือแค่ไม่กี่ใบสุดท้าย แต่เห็นฟ้าครึ้มมากขึ้นดูท่าจะฝนตกแล้ว ผู้จัดกิจกรรมนี้ของสโมสรสตรีก็ประกาศให้แยกย้ายได้ เก็บใบปลิวส่วนที่เหลือกลับไปไว้ค่อยแจกต่อในกิจกรรมครั้งหน้า