บทที่ 70
“คุณหนูคนนั้น หน้าตาเป็นอย่างไรครับ” เฮ่อฮั่นจู่ถามต่อ
มาดามคิคูโกะพูดทบทวนความทรงจำพลางยกนิ้วมือขึ้นชี้วนรอบใบหน้าตนเอง
“ครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอ นึกว่าเธอเป็นผู้ชาย ผู้ชายหน้าหวานค่ะ คิ้วยาวคมเข้มเหมือนจิตรกรใช้หมึกซูซุกะ คุณภาพดีที่สุดของบ้านเกิดฉันวาดออกมา เธอมีหน้าผากโหนกนูน ปลายหางตาเฉียงขึ้น เอาเป็นว่าใบหน้าของเธอทำให้ฉันนึกไปถึงพระจันทร์เต็มดวงกลางฟ้าในคืนฤดูใบไม้ร่วง คุณเฮ่อเข้าใจความหมายของฉันไหมคะ คือทุกครั้งที่เธอมาจะไม่พูดอะไรมาก แต่ดวงตาเป็นประกายใสเย็น ดังนั้นฉันก็เลยรู้สึกอย่างนี้ ความจริงฉันชักอยากรู้อยากเห็นอยู่เหมือนกัน อยากให้ครั้งหน้าเธอมาที่นี่แต่แต่งตัวเป็นผู้หญิงตามเดิม คงจะต้องสวยมากแน่ๆ…”
รูปลักษณ์หน้าตาของคนที่เฮ่อฮั่นจู่ฟังมาดามคิคูโกะค่อยๆ พูดบรรยายออกมาทีละส่วนๆ ตรงกับใบหน้าในห้วงความคิดของเขาไม่มีผิดดังคาด
บนหน้าเขาอาจไม่เผยความรู้สึกใดๆ ให้เห็น แต่นิ้วที่กุมถ้วยน้ำชาร้อนไว้ในมือกำเข้าหากันแน่นขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
เขาสะกดอารมณ์ที่เริ่มปั่นป่วนพลุ่งพล่านในใจไว้ หยุดใคร่ครวญด้วยความรอบคอบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนถามต่ออีกคำ
“ยังจำได้ไหมครับว่าเธอเริ่มมาใช้บริการโรงอาบน้ำของคุณตั้งแต่เมื่อไร”
ราวกับมาดามคิคูโกะสัมผัสถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมของเขาได้ เธอเริ่มตื่นตระหนกว่าเมื่อครู่ดูเหมือนตนเองจะพูดมากเกินไปบ้าง
การเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของลูกค้าถือเป็นข้อห้ามร้ายแรงที่สุดของคนทำธุรกิจโรงอาบน้ำ
เธอตวัดตามองชายหนุ่ม อึกอักนิดหนึ่งก่อนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “คุณเฮ่อ เพราะอะไรคุณถึงซักถามเรื่องนี้คะ”
“ไม่ใช่ซักถาม แต่เป็นสิ่งที่คุณต้องบอก”
ชายชาวจีนตรงหน้าที่พูดกับเธอแม้จะยังหนุ่มอยู่ทว่าออกคำสั่งจนเป็นนิสัยอย่างเห็นได้ชัด
มาดามคิคูโกะขานรับคำหนึ่ง ไม่กล้าถามต่ออีก
“ประมาณกลางเดือนสิบค่ะ…” เธอนิ่งคิดครู่เดียวแล้วเอ่ยตอบ
เป็นช่วงที่เธอถูกตัดสิทธิ์พักห้องเดี่ยวแล้วย้ายไปอยู่ห้องพักรวมนั่นพอดี…
มาดามคิคูโกะเห็นเขานิ่งเงียบไป สีหน้าอ่านไม่ออก เธอจึงพูดต่ออย่างระมัดระวัง “แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเมื่อสัปดาห์ก่อนเธอไม่ได้มา ทั้งที่ก่อนหน้าเธอจะมาทุกสัปดาห์ในวันอาทิตย์เสมอ ไม่รู้ว่าสัปดาห์นี้เธอจะมาอีกหรือเปล่า ที่นี่ยังมีตั๋วโรงอาบน้ำที่เธอยังใช้ไม่หมดอยู่ค่ะ”
ลูกชายสกุลซู…
ไม่สิ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปน่าจะเปลี่ยนเป็นเรียกว่า ‘ลูกสาวสกุลซู’
เธอไม่มีทางมาอีกแล้ว เฮ่อฮั่นจู่รำพึงอยู่ในใจอย่างเยาะหยัน
พอมาคิดดูตอนนี้ แผ่นหลังที่เห็นแวบเดียวที่นี่วันนั้น บอกให้รู้ว่าตอนนั้นเธอเห็นเขาแล้วรีบหลบไปก็เท่านั้นเอง
เขาวางถ้วยน้ำชาในมือลงช้าๆ ลุกพรวดขึ้นเดินออกจากประตูใหญ่ไปขึ้นรถ จากนั้นขับรถจากไปพร้อมกับเสียงพูดล่ำลาของมาดามคิคูโกะที่ตามออกมาโค้งตัวส่งแขก
ในเวลากลางดึกฝนตกโปรยปรายอันหนาวเหน็บนี้ จุดประสงค์ที่เขาขับรถฝ่าความมืดข้ามครึ่งเมืองมาถึงที่นี่เพียงลำพังก็เพื่อยืนยันการคาดเดาอย่างหนึ่งในใจ
ข้อสงสัยที่ก่อนหน้านี้แค่คิดก็ได้คำตอบแล้ว ตอนนี้เขาเพียงพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นความจริงเท่านั้นเอง
เฮ่อฮั่นจู่เห็นว่าเรื่องที่ ‘ลูกชายสกุลซู’ เป็น ‘ลูกสาวสกุลซู’ นี้ เขาไม่จำเป็นต้องแตกตื่นตกใจใดๆ ทั้งสิ้น
กระนั้นความเป็นจริงคือเขาสุดปัญญาจะควบคุมอารมณ์ได้
และไม่อาจควบคุมได้เลยสักนิด
ตอนได้ยินคำบรรยายที่ตรงกับใบหน้าของเธอพวกนั้นจากปากของมาดามคิคูโกะจริงๆ เขายังรู้สึกตะลึงอยู่ดี ซ้ำยังตะลึงพรึงเพริดอย่างยิ่งยวดด้วย
ส่งผลให้จนถึงตอนนี้เขาออกจากที่นั่นแล้ว ยังคงไม่อาจโน้มน้าวใจตนเองได้ในชั่วขณะให้เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง
ลูกชายสกุลซูเป็นผู้หญิง?
โง่บรม! ฉันมันโง่เองจริงๆ