เวลานี้พอคิดขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านี้ใช่ว่าเธอจะไม่มีพิรุธเลย นอกจากจุดผิดปกติที่นึกได้พวกนั้น เขาจำได้ว่ามีหนหนึ่งเธอเถียงกลับเขา เขาคว้าแฟ้มเอกสารจะฟาดใส่เธอด้วยความโมโห ตอนนั้นเธอกุมหัวร้องเสียงหลง
ทว่าปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณแบบนี้ เขากลับมองข้ามไปโดยสิ้นเชิง
ขนาดตอนที่หวังถิงจือบอกเขาว่ารู้สึกว่าเธอเหมือนผู้หญิง เขาถึงกับนึกว่าความคิดของหวังถิงจือน่าหัวเราะ
เพราะอะไรกัน เขายกตัวว่าเป็นคนฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร กลับหัวทื่อตาบอดถึงเพียงนี้เลยหรือ
เฮ่อฮั่นจู่ถามตนเอง แล้วเขาก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
เพราะว่าในความรู้สึกลึกๆ ของเขา เป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิงจะทำเรื่องพวกนั้นได้อย่างที่เธอทำ
มีทั้งความรู้และความถนัดที่ยอดเยี่ยมโดดเด่น เธอจัดเป็นคนเก่งแถวหน้าในโลกของผู้ชายได้อย่างสบายๆ
ยามประจันหน้ากับศพ เธอเยือกเย็นเข้าขั้นไร้ความรู้สึกใดๆ
ในหัวสมองของเฮ่อฮั่นจู่ปรากฏภาพที่ตนเองเห็นเธอลงมือผ่าชันสูตรศพครั้งแรก
ถ้าไม่ได้เห็นเองกับตา เขาคงนึกภาพไม่ออกว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้ขนาดนั้น
นอกจากฝีมือความเชี่ยวชาญแล้ว ยังมีนิสัยใจคออีกอย่าง ลูกสาวสกุลซูคนนี้ดื้อรั้นไม่เข้าเรื่อง หรือจะพูดให้น่าฟังขึ้นสักนิดคือความหัวแข็งเด็ดเดี่ยวของเธอก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เมื่อก่อนเขาไม่มีวันคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงด้วย
เฮ่อฮั่นจู่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าผู้หญิงก็สามารถอดทนดันทุรังแบบนั้นได้
ตลอดสองสามเดือนที่ต้องเจอกับเรื่องที่ปกติพวกผู้หญิงรับไม่ไหวพวกนั้น ไม่ว่าจะโดนลงโทษวิ่งกลางฝน โดนครูฝึกตีด้วยแส้อย่างไม่ปรานีปราศรัย รวมถึงโดนบังคับให้นอนรวมกับผู้ชายจนถึงขณะนี้ กระทั่งเรื่องปกติสามัญที่สุดอย่างเช่นการอาบน้ำ ก็ยังต้องมาที่โรงอาบน้ำตั้งไกลอย่างนี้ เธอกลับแบกรับไว้ได้หมด ไม่เพียงไม่ถอดใจยอมแพ้ ยังเอาชนะได้ทุกอุปสรรคด้วย
คนแบบนี้จะให้เขาคิดถึงได้อย่างไรว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
หลังจากเฮ่อฮั่นจู่หายตะลึงพรึงเพริด ความรู้สึกผิดก็ไหลบ่าเข้ามาเกาะกุมใจเขาไว้อีก มันเป็นความสำนึกผิดปนกับความเสียใจภายหลังอย่างรุนแรง
เขานึกภาพไม่ออกเช่นกันว่าถ้าเปลี่ยนเป็นน้องสาวของตนเองถูกบังคับให้อยู่รวมกับผู้ชายทั้งโขยง สถานการณ์อย่างนั้นจะเป็นเช่นไร
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกสาวสกุลซูต้องทนรับไว้นี้ ล้วนแล้วแต่เกิดจากความคิดชั่วแล่นของเขากับคำพูดประโยคเดียวที่ออกจากปากหลังจากนั้น
ตรงกลางอกชายหนุ่มท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกโทษตนเองกับสงสารจับใจระลอกหนึ่ง
อย่างอื่นยังพอไหว เรื่องเร่งด่วนในขณะนี้คือต้องให้เธอย้ายออกจากหอพักชายโดยเร็วที่สุด
เฮ่อฮั่นจู่ถอนหายใจยาวเหยียดเฮือกหนึ่ง แต่ยังไม่ทันดึงตนเองให้หลุดออกจากอารมณ์เหล่านี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกฉุนโกรธขึ้นมาตงิดๆ อีก
ต่อให้มีเหตุจำเป็นต้องบอกกับคนนอกว่าเป็นผู้ชายมาตั้งแต่เด็กก็ตามที แต่ในเมื่อเป็นผู้หญิง เพราะอะไรต้องดื้อดึงอย่างนี้ จะต้องคัดง้างกับเขาให้ได้ พอเจอปัญหาพวกนี้ก็ยังไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามแม้แต่น้อย
เพราะเธอปักใจว่าถึงมาอธิบายเรื่องราวกับเขา เขาก็คงเลือดเย็นถึงขนาดไม่รู้สึกรู้สาสักนิด หรือว่าเธอไม่อยากลดศักดิ์ศรีลงมาพูดกับเขาเพื่อขอความช่วยเหลือกัน
หรือว่า…
ความคิดแปลกๆ อย่างหนึ่งผุดขึ้นในหัวชายหนุ่มอีกกะทันหัน
หรือว่าจริงๆ แล้วเธอปักใจกับฟู่หมิงเฉิงแต่แรก ตัดสินใจว่าจะอาศัยฟู่หมิงเฉิงเป็นที่พึ่ง ดังนั้นถึงยากเย็นเพียงไหน ก็ไม่ยอมลดศักดิ์ศรีมาขอร้องเขา
ก่อนหน้านี้คงเพราะสถานะของฟู่หมิงเฉิงในตระกูลยังไม่แน่นอนอยู่ ดังนั้นเธอเห็นอกเห็นใจเขา ไม่ได้บอกเรื่องจริงเกี่ยวกับตัวเธอและปัญหายุ่งยากของเธอกับเขา จะได้ไม่ทำให้เขาวุ่นวายใจมากขึ้น
แต่ตอนนี้ฟู่หมิงเฉิงเป็นใหญ่ในสกุลฟู่แล้ว เธอเห็นว่าเขาเริ่มมีกำลังความสามารถปกป้องเธอได้ ดังนั้นพักนี้ทั้งคู่จึงไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ฟู่หมิงเฉิงบริจาคเงินก้อนใหญ่ เมื่อวานเธอก็ออกไปกับเขาอีก
นี่เธอจะบอกความลับที่ตนเองเป็นผู้หญิงนี้กับฟู่หมิงเฉิงในเร็วๆ นี้แล้วใช่ไหม
หรือว่า…อันที่จริงฟู่หมิงเฉิงรู้อยู่แล้ว?
พอความคิดนี้ผุดขึ้นในหัว ก็คล้ายเป็นงูร้ายพ่นพิษตัวหนึ่งพันรัดจิตใจของเฮ่อฮั่นจู่ไว้อย่างว่องไว
เขาไม่สบอารมณ์ถึงขีดสุด ยิ่งคิดถึงว่าหลังจากรู้จักกับเธอแล้วถูกเธอโกหกหลอกลวงสารพัด ความรู้สึกผิดและสงสารเมื่อครู่นี้ก็อันตรธานไปหมด ถึงขั้นกลายเป็นความอับอายจนพานโกรธขึ้นมาอีกด้วย
ลูกสาวสกุลซูหลอกเขา เธอปั่นหัวเขามาโดยตลอด
ยังไม่พูดถึงว่าเธอสรรหาทุกวิถีทางโกหกเขา เจตนาจะปกปิดเรื่องที่เธอโดดน้ำตายเพราะฟู่หมิงเฉิง
ส่วนเขาเชื่อเธอสนิทใจ อยากให้เธอแต่งงานกับน้องสาวของตนเองจากใจจริง ซ้ำยังวุ่นวายหาวิธีรักษาโรคน่าอายที่ว่านั่นให้เป็นการใหญ่ ผลปรากฏว่าตนเองเป็นไอ้หน้าโง่ที่โดนเธอหลอกจนหัวปั่น
ถนนเบื้องหน้าเขาเป็นทางแยก
เอี๊ยด!
เฮ่อฮั่นจู่เหยียบห้ามล้อกะทันหัน ล้อรถบดพื้นถนนที่มีน้ำขังอยู่จนเกิดเสียงแหลมบาดหูดังขึ้น