เธอบอกได้อย่างมั่นใจว่าเฮ่อฮั่นจู่ไม่ได้รู้สึกสงสัยคำพูดของญาติผู้พี่ในวันนั้นเลย
ไม่เช่นนั้นท่าทีของเขาไม่มีทางเป็นแบบนี้ เพราะแต่ไรมาเขาไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา
“คุณน้าครับ ขอโทษที่รบกวนเวลาพักผ่อน คืออย่างนี้ครับ เมื่อคืนคุณลุงของผมคงจะเป็นไข้เพราะอากาศเย็น เมื่อเช้าท่านไม่สบาย…”
“ไม่เป็นไร เขาจะมาเมื่อไรก็ได้ แค่บอกให้รู้ล่วงหน้าสักคำเท่านั้นเป็นพอ ฉันมีธุระต้องไปก่อน เธอตามสบายนะ”
เขาทำท่าคล้ายไม่มีความอดทนพอจะฟังจนจบด้วยซ้ำ พูดตัดบทเธอฉับด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย จากนั้นสาวเท้าผ่านหน้าเธอออกไป
“คุณผู้ชาย นี่ก็เที่ยงวันแล้ว ฉันเตรียมอาหารไว้พร้อมแล้ว คุณทานก่อนค่อยออกไป…” ป้าอู๋ไล่ตามไปเรียกเขา
“ไม่กิน” เขาพูดจบก็ลับร่างไปนอกประตูห้องรับแขก
อึดใจต่อมาซูเสวี่ยจื้อได้ยินเสียงติดเครื่องรถยนต์ เธอเดินไปดูก็เห็นรถแล่นออกนอกประตูรั้วไปแล้ว
ป้าอู๋ถอนใจเฮือก หันมาทางซูเสวี่ยจื้อชวนให้อยู่กินอาหาร
เธอย่อมบอกปัดอย่างสุภาพ หลังจากพูดขอบคุณอีกฝ่าย เธอสวมเสื้อโค้ต หมวก และพันผ้าพันคอกลับตามเดิม กล่าวลาแล้วออกจากคฤหาสน์สกุลเฮ่อ ตั้งใจว่าจะกลับไปบอกคำตอบกับคุณลุงที่โรงแรมก่อนค่อยกลับวิทยาลัย
แถวนี้ไม่มีรถลาก เธอเดินย่ำหิมะไปตามถนนอู๋ถงสายนั้นเป็นระยะทางราวหลายร้อยเมตร เห็นรถยนต์สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ริมถนนข้างหน้า
ดูเหมือนจะเป็นเฮ่อฮั่นจู่?
ซูเสวี่ยจื้อฉงนใจไม่รู้ว่าจู่ๆ เขาจอดรถอีกด้วยเหตุใด เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ เห็นหน้าต่างรถเปิดอยู่ เกล็ดหิมะปลิวลอยตามลมเข้าไปในรถแล้วร่วงหล่นลงบนหัวไหล่เขา
“ขึ้นรถ” เขายังคาบบุหรี่ไว้ในปากขณะที่พูด
เธอมองเขาปราดหนึ่งอย่างคาดไม่ถึงอยู่สักหน่อย
ชายหนุ่มเพ่งตามองตรงไปเบื้องหน้า ไม่ได้เหลียวมามองเธอแต่อย่างใด ทว่าด้านข้างไม่มีคนอื่นอีก เธอเลยเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง
เขาปิดกระจกรถ เอ่ยถามเธอว่า “จะไปไหน”
“โรงแรมเทียนเฉิง ผมจะไปหาคุณลุง ขอบคุณครับคุณน้า”
เขาไม่พูดตอบ เพียงเหยียบคันเร่งขับรถออกไป
พอหน้าต่างรถปิดสนิท กลิ่นยาเส้นจากมวนบุหรี่ที่ชายหนุ่มจุดสูบก็ค่อยๆ อบอวลไปทั่วพื้นที่เล็กแคบนี้
หญิงสาวไม่ชอบสูบควันบุหรี่มือสอง ก่อนหน้าเธอเคยได้ยินจากเฮ่อหลันเสวี่ยว่าเขามีอาการไอเรื้อรัง หลังอดทนอยู่ครู่หนึ่งก็อดพูดเตือนไม่ได้ “คุณน้า ไม่ทราบว่าคุณน้าเคยได้ยินมาก่อนหรือเปล่าว่าควันบุหรี่ไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะคุณน้า ได้ยินว่าชอบไอตอนกลางคืน ยาสูบออกฤทธิ์ต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้อาการหนักขึ้นนะครับ”
เขาคาบบุหรี่ไว้ ชายตามองเธอพลางทำเสียงฮึ “เธอจะหวังดีเพียงนี้เลยหรือ”
ซูเสวี่ยจื้อรู้สึกว่าปฏิกิริยานี้ของเขาแปลกพิกลนิดหน่อย แต่เธอยังคงพยักหน้าอย่างจริงจัง “คุณน้าอย่ารำคาญที่ผมยุ่งไม่เข้าเรื่อง ผมพูดเพราะคำนึงถึงสุขภาพของคุณน้าจริงๆ นะครับ”
เขาแค่นเสียงเยาะสั้นๆ “สมัยนี้อยากนอนแก่ตายบนเตียงแบบปกติไม่ใช่ง่ายๆ หรอกนะ หากได้ห่อศพด้วยหนังม้า แสดงว่าทำบุญมาดี คนตายโหงต่างหากเป็นเรื่องปกติ คุณชายซูเป็นห่วงตนเองให้มากๆ จะดีกว่า”
หญิงสาวได้ยินเขาเรียกเธอว่า ‘คุณชายซู’ เป็นครั้งแรก ทั้งยังจับน้ำเสียงประชดประชันได้รางๆ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนคุยกันคนละภาษา เธอปิดปากเงียบ ละความตั้งใจที่จะเตือนสติเขา
เขาสูบบุหรี่ไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจ ทำให้ควันอบอวลในรถมากขึ้น ใบยาสูบน่าจะจัดอยู่ในประเภทมีควันฉุนแรง ซูเสวี่ยจื้อโดนรมด้วยควันบุหรี่จนทนไม่ไหวจริงๆ สุดท้ายต้องเปิดหน้าต่างรถฝั่งเธอออก
สายลมเย็นเฉียบหอบหิมะพัดกรูเข้ามาจนหมวกของเธอเกือบปลิวหล่น
เธอรีบยกมือกดหมวกไว้
เขาชำเลืองมองเธอแล้วดึงบุหรี่ออกจากปากมาดับไฟในที่สุด
ตลอดทางที่เหลือซูเสวี่ยจื้อไม่พูดอะไรอีก ส่วนเขาก็ขับรถเงียบๆ ตรงไปส่งเธอที่โรงแรมแล้วหยุดจอดริมถนนฝั่งตรงข้าม
เธอลงจากรถกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาทแล้วจะออกเดินเข้าไปในโรงแรม
ในยามนี้เองก็ได้ยินเขาพูดขึ้นกะทันหัน “คุณลุงของเธอเดินทางมาไกล ไม่จำเป็นต้องถือธรรมเนียมหยุมหยิมพวกนั้น ฉันเป็นเจ้ามือเอง ดูว่าวันไหนคุณลุงเธอหายป่วยแล้ว ฉันขอเลี้ยงอาหารเขาสักมื้อ”
เขาหยุดเว้นจังหวะนิดหนึ่ง “เธอกับญาติผู้พี่ก็มาด้วยกันสิ”
ซูเสวี่ยจื้อยืนอยู่บนพื้นหิมะริมทาง มองดูเขาพูดจบก็ขับรถจากไปทิ้งเธอไว้ที่เดิมแล้วอดรู้สึกงุนงงไม่ได้