ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง
ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 72-73
บทที่ 73
เฮ่อฮั่นจู่ปล่อยให้ซูเสวี่ยจื้อรอนานครึ่งชั่วโมง พอลงมาก็พูดสั้นๆ ประโยคเดียวแล้วเดินวางท่าออกไปเลย จากนั้นก็พาเธอมาส่งที่โรงแรมอย่างไม่มีเหตุผล สุดท้ายยังใจดีขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารคุณลุงอีก
การไปหาเขาที่บ้านหนนี้ทำให้ซูเสวี่ยจื้อประจักษ์ชัดถึงนิสัยใจคอของเฮ่อฮั่นจู่คนนี้ว่าเป็นพวกเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายมากขึ้น
กระนั้นเมื่อเทียบกับความทรงจำอย่างอื่นที่เธอมีต่อเขาก่อนหน้านี้ เรื่องเล็กๆ เมื่อเช้านี้ต้องถือว่าธรรมดามาก เขาจะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายก็ไม่เกี่ยวกับเธอสักนิด เธอเจอบ่อยจนชินเสียแล้ว
เอาเป็นว่าปัญหาคาใจเธอคลี่คลายแล้ว อีกทั้งยังทำธุระให้คุณลุงได้ด้วย หญิงสาวรู้สึกดีใจมาก เดินดุ่มๆ เข้าโรงแรมไปรายงานผลให้คุณลุงทราบ
ทีแรกเยี่ยหรู่ชวนยังหวั่นใจเล็กน้อย ถึงอย่างไรปกติอีกฝ่ายต้องมีงานยุ่งมาก วันนี้อุตส่าห์เจียดเวลาให้เขา แต่เขากลับผิดนัด รับรองได้ยากว่าจะไม่ถือสาหาความเขา ไม่คาดคิดว่าหลานสาวไปหาอีกฝ่ายแล้วกลับมาพร้อมคำตอบว่าเฮ่อฮั่นจู่ขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหาร ทั้งยังบอกให้พาเด็กๆ ไปด้วย
หากเทียบกับให้เขาไปเยี่ยมคารวะด้วยตนเองแล้ว แบบนี้ดูใกล้ชิดกันมากกว่าตั้งเท่าไรก็ไม่รู้ เป็นท่าทีที่บอกชัดว่ายอมรับเป็นคนครอบครัวเดียวกัน
เยี่ยหรู่ชวนดึงตัวหลานสาวมาซักถามเหตุการณ์ตอนพบกับเฮ่อฮั่นจู่เมื่อเช้าอย่างละเอียดยิบ
ซูเสวี่ยจื้อไม่มีทางเล่าว่าเขาให้เธอรอตั้งครึ่งชั่วโมงแน่นอน เธอได้แต่แต่งเรื่องให้เป็นการพบปะแบบที่พึงเป็นกันตามปกติเพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของคุณลุง
คุณลุงของเธอฟังแล้วพออกพอใจและปลาบปลื้มมาก ส่งผลให้ความประทับใจที่มีต่อ ‘ลูกพี่ลูกน้องญาติห่างๆ’ ซึ่งยังไม่เคยพบหน้าค่าตากันคนนี้พุ่งถึงระดับสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สำหรับเรื่องที่ตอนนี้เธออยู่ในหอพักชายจะบอกให้คุณลุงรู้ไม่ได้เด็ดขาด
ซูเสวี่ยจื้อระวังรอบคอบไว้ก่อน พอพูดธุระจบแล้วยังกำชับเยี่ยหรู่ชวนกับซูจงว่าไม่จำเป็นต้องไปหาตนเองที่วิทยาลัยอีก เมื่อเห็นว่าทางนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็รีบกลับวิทยาลัย
เยี่ยหรู่ชวนอารมณ์ดีขึ้นและได้กินยานอนหลับพักผ่อนคืนหนึ่ง วันรุ่งขึ้นแก้มของเขาเกือบหายบวมแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาให้ซูจงรีบไปส่งข่าวบอกชายหนุ่ม
ด้านจวงเถียนเซินเพื่อนเก่าซึ่งกลับจากเมืองหลวงแล้วเช่นกันมาหาเขา เจอหน้าก็อ้าปากต่อว่าต่อขานทันทีว่าเห็นเป็นคนอื่นคนไกล จำเพาะต้องมาพักโรงแรมให้เสียสุขภาพ เยี่ยหรู่ชวนไม่มีทางบอกอยู่แล้วว่าโดนลูกชายยั่วโมโห หลังจากทั้งคู่โอภาปราศรัยถามไถ่ทุกข์สุขตามมารยาทแล้วนั่งรำลึกความหลังกัน
ทางเฮ่อฮั่นจู่ตอบกลับอย่างรวดเร็ว นัดพบกันตอนสิบเก้านาฬิกาคืนนี้ที่ภัตตาคารเทียนเซียวร้านอาหารต้นตำรับชื่อดังที่สุดของเมืองเทียน โดยเขาขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารด้วย
ซูเสวี่ยจื้อได้ข่าวแล้ว ค่ำวันนี้เธอเลยต้องออกจากวิทยาลัยอีกครั้งติดตามคุณลุงกับญาติผู้พี่ไปที่ภัตตาคารเทียนเซียว
ผู้จัดการร้านรู้ว่าเฮ่อฮั่นจู่เป็นเจ้าภาพก็ออกมารอข้างนอกด้วยตนเอง พอรู้ว่าคนกลุ่มนี้เป็นแขกที่ชายหนุ่มจะเลี้ยงอาหารก็ต้อนรับขับสู้อย่างดี ยังเป็นคนนำทางไปยังห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดที่กันไว้ให้ล่วงหน้าเองด้วย จากนั้นบริกรก็ยกเมล็ดแตง ถั่วลิสง และน้ำชาเข้ามาวางให้
เยี่ยหรู่ชวนนั่งลงแล้วเทศนาลูกชายด้วยหน้าตาเคร่งขรึม ออกคำสั่งว่าคืนนี้ต้องตั้งสติให้ดีๆ ถ้าทำให้เขาขายหน้าอีก กลับไปจะตีให้ตายคามือให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป
ขณะที่อบรมสั่งสอนอยู่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคละเคล้าเสียงพูดคุยหัวเราะดังมาจากข้างนอก เขารู้ว่าผู้จัดการร้านพาเฮ่อฮั่นจู่มาถึงแล้วจึงรีบหยุดปาก ค่อยบอกให้ลูกชายและหลานสาวลุกขึ้นพร้อมกัน
ซูเสวี่ยจื้อมองไปเห็นผู้จัดการร้านเลื่อนประตูห้องเปิดออก เฮ่อฮั่นจู่ก้าวเข้ามาก่อน ส่วนจวงเถียนเซินตามมาข้างหลัง
ที่แท้เฮ่อฮั่นจู่รู้ว่าจวงเถียนเซินกลับมาแล้ว เห็นว่าเขากับเยี่ยหรู่ชวนเป็นเพื่อนสนิทกันเลยชวนมาร่วมวงกินอาหารด้วยกันในคืนนี้
เยี่ยหรู่ชวนลอบมองสำรวจผู้ชายในชุดเครื่องแบบทหารที่เดินนำหน้าเข้ามาอย่างฉับไว หนุ่มแน่นหล่อเหลา ฝีเท้าหนักแน่นมั่นคง รูปหน้าเกลี้ยงเกลาคมคาย คิ้วเข้มดกดำดุจหมึก นัยน์ตาแฝงแววเฉียบขาดไว้
เขารู้ว่าหลานชายสกุลเฮ่อคนนั้นมาถึงแล้ว พอเปรียบเทียบกับภาพเด็กหนุ่มที่เห็นผาดๆ แวบเดียวตอนไปที่บ้านสกุลเฮ่อเมื่อนานมาแล้วในความทรงจำ กลับหาจุดที่ละม้ายคล้ายคลึงกันไม่พบแม้สักกระผีก
เยี่ยหรู่ชวนไม่กล้าเชือนแช สาวเท้าเร็วรี่เข้าไปแนะนำตนเองก่อน แน่นอนว่าที่จะขาดเสียไม่ได้คือคำพูดตามมารยาทเช่นว่า ‘อยากรู้จักมานานแล้ว’ ทำนองนี้
เฮ่อฮั่นจู่หยุดฝีเท้ามองไปทางเขา บนหน้ามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเป็นฝ่ายยื่นมือไปจับมือกับเขาก่อน ถามไถ่ว่าร่างกายเป็นอย่างไรบ้างแล้วพูดต่อว่า “ผมขอโทษที่มาช้า อย่าถือสานะครับ”
เยี่ยหรู่ชวนรีบกล่าวตอบ “ผู้บัญชาการเฮ่อเกรงใจไปแล้ว ผมเพิ่งพาเด็กสองคนนี้มาถึงเหมือนกัน จะพูดว่าคุณมาช้าได้ที่ไหนกัน”
เฮ่อฮั่นจู่ยิ้มน้อยๆ “เป็นคนครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ไม่ต้องเห็นเป็นคนอื่นคนไกล เรียกชื่อรองผมว่าเยียนเฉียวได้เลยครับ”
ถึงแม้อีกฝ่ายจะแสดงความเกรงใจ แต่พบกันครั้งแรกเยี่ยหรู่ชวนไม่กล้ายกตัวเป็นญาติผู้พี่แน่นอน เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม “ผู้บัญชาการเฮ่อให้เกียรติผมเกินไปแล้ว ผมขอรับไมตรีจิตของคุณไว้ด้วยใจ” ว่าแล้วก็หันหน้าไปเรียกลูกชายกับซูเสวี่ยจื้อ
เยี่ยเสียนฉีก้มหัวกล่าวทักทายอย่างอ่อนน้อม
ซูเสวี่ยจื้อก็เรียกทักทายว่า ‘คุณน้า’ อย่างว่านอนสอนง่าย
ตอนนี้เองจวงเถียนเซินก้าวเข้ามาพูดกลั้วเสียงหัวเราะชอบใจว่าตนเองมีลาภปาก ทั้งยังบอกให้รีบนั่งลงอย่ามัวยืนพูดคุยกัน
เฮ่อฮั่นจู่เชิญให้เยี่ยหรู่ชวนนั่งหัวโต๊ะ แต่เยี่ยหรู่ชวนไม่ยอมท่าเดียว บอกว่านับตามศักดิ์แล้วทั้งคู่เป็นรุ่นเดียวกัน ตนเองแค่อายุมากกว่าหลายปีเท่านั้น อีกทั้งคืนนี้เฮ่อฮั่นจู่เป็นเจ้าภาพ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องนั่งตรงนี้