บทที่ 74
ต่อให้ซูเสวี่ยจื้อเมามายมากแค่ไหนก็รู้สึกได้ว่าเฮ่อฮั่นจู่ไม่สบอารมณ์กับปฏิกิริยาของเธอ
แล้วเธอก็เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรแล้วด้วย
คงเพราะเขาจดจำคำพูดฝากฝังซ้ำๆ ของคุณลุงในคืนนี้ได้ เมื่อครู่นี้เห็นเธอหลับไป ถึงหวังดีถอดเสื้อมาห่มให้เธอเท่านั้นเอง
อีกอย่างก็จริงอย่างที่เขาพูด เธอเป็นหลานชายห่างๆ คนหนึ่ง เขาจะไปอยากทำอะไรได้เล่า
หญิงสาวอดกระอักกระอ่วนไม่ได้ ทั้งยังนึกกระดากใจกับปฏิกิริยาเกินกว่าเหตุของตนเอง เธอไม่กล้าหยิบเสื้อเขาออกจากตัวทันที จะได้ไม่ทำให้เขารู้สึกว่าเธอไม่รู้จักกาลเทศะมากขึ้นอีก
“ขอโทษครับ เมื่อครู่นี้ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมหลับอยู่เลยไม่ทันระวังตัว ผมไม่รู้ว่าเป็นคุณน้า” คอเสื้อของเสื้อโค้ตเขาปิดตรงลำคอเธอไว้ เธอข่มความรู้สึกจั๊กจี้คล้ายมีแมลงไต่ผ่านคอเอาไว้
“ขอบคุณนะครับคุณน้า ผมไม่หนาวแล้ว คุณน้าสวมไว้เองเถอะ จะได้ไม่หนาวจนเป็นไข้เหมือนคุณลุงผม” เธอว่าแล้วก็ถือโอกาสดึงเสื้อของเขาออกจากตัวมาพับอย่างเรียบร้อยแล้ววางไว้บนเบาะที่นั่งข้างคนขับที่ว่างอยู่
เฮ่อฮั่นจู่ไม่พูดตอบอะไร เขาขับรถไปอีกระยะหนึ่งก่อนหยุดจอด เปิดประตูลงไปยืนบนพื้นหิมะริมถนนแล้วจุดบุหรี่สูบ
ซูเสวี่ยจื้อเห็นจู่ๆ เขาก็หยุดรถแล้วไปสูบบุหรี่ตรงริมถนน จึงรู้สึกงุนงงขึ้นมาอีก
แต่เธอเพิ่งยั่วโมโหเขาโดยไม่ตั้งใจ ตอนนี้จะถามอีกก็ไม่ถนัดปาก
ซูเสวี่ยจื้อตั้งสติหันไปมองรอบๆ เห็นว่าจุดนี้ยังห่างจากวิทยาลัยอีกหลายกิโลเมตร
เขาเกิดอยากบุหรี่กะทันหันใช่ไหมนะ ปกติก็เป็นพวกสูบบุหรี่จัดขนาดนั้น
ขณะเธอนึกเดาอยู่ในใจ พลันได้ยินเขาถามโพล่งขึ้น “เธอมีเรื่องจำเป็นต้องอธิบายกับฉันหรือเปล่า”
ซูเสวี่ยจื้อยังคิดตามไม่ทัน ก็เห็นเขาเบือนหน้ามามองเธอ
“ฉันให้โอกาสเธอครั้งหนึ่ง ถ้ามีเรื่องปิดบังอยู่ รีบบอกกับฉันเองให้หมด ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ขอแค่เธอบอกหมดทุกอย่าง ฉันจะถือว่าไม่มีเรื่องอะไรทั้งสิ้น”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่หญิงสาวเห็นได้ชัดถนัดตาว่าเสี้ยวหน้าด้านข้างที่หันมาทางเธอของเขาละม้ายฉาบด้วยประกายหิมะชั้นหนึ่ง แววตาลุ่มลึก สีหน้าฉายอารมณ์ที่อ่านไม่ออกอย่างยิ่ง
เธอเกิดความรู้สึกอย่างหนึ่งขึ้นฉับพลันว่าคืนนี้ที่เขาเป็นฝ่ายบอกให้เธอขึ้นรถแล้วขับมาส่ง ดูเหมือนก็เพื่อรอเวลานี้นั่นเอง
เขาต้องการให้เธออธิบายเรื่องบางเรื่องกับเขาเอง แล้วมันคือเรื่องอะไรล่ะ เขาต้องการให้เธออธิบายเรื่องอะไรกับเขากันแน่
หัวสมองของซูเสวี่ยจื้อยังมึนๆ งงๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่บ้าง เธอพยายามคิดเต็มที่ก็ได้คำตอบฉับพลัน
ก็เรื่องคราวก่อนที่ญาติผู้พี่ของเธอปากพาซวยจนก่อปัญหาขึ้นน่ะสิ!
เธอลืมไปแล้วว่าเหลือปมส่วนท้ายอีกนิดหนึ่งที่ยังเก็บไม่เรียบร้อย
ก่อนหน้านี้เธอบอกกับเขาเป็นตุเป็นตะว่าเธอโดดน้ำตายเพราะร่างกายผิดปกติและมีปัญหากับทางบ้าน เป็นต้นเหตุให้คิดไม่ตก แต่วันนั้นญาติผู้พี่กลับพูดกับเขาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่าเพราะเธอชอบฟู่หมิงเฉิงและโดดน้ำตายเพื่ออีกฝ่าย
นั่นมันเห็นทนโท่เลยว่าขัดแย้งกันเอง!
เฮ่อฮั่นจู่ต้องเป็นพวกที่ไม่ยอมให้ใครหลอกลวงตบตาเด็ดขาด เธอนึกไปถึงตอนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานเขาก็อบรมเธอว่าความซื่อสัตย์คืออะไร ส่วนเรื่องนี้เขาทนถึงตอนนี้ค่อยมาไล่เบี้ยกับเธอ แสดงว่าให้เกียรติกันเหลือหลายแล้ว
พอคิดออกแล้วซูเสวี่ยจื้อก็ลงจากรถทันที เธอเดินไปใกล้ๆ เขาแล้วพูดว่า “คุณน้าพูดถึงเรื่องที่ผมปิดบังสาเหตุที่โดดน้ำตายใช่ไหมครับ ผมยอมรับว่าผมปิดบังคุณน้าเรื่องนี้จริงๆ แต่ตอนนั้นผมมีความจำเป็นบังคับเลยต้องปิดบัง อย่าเพิ่งสนใจว่าผมชอบฟู่หมิงเฉิงหรือเปล่า นี่เป็นเรื่องของผมคนเดียว เขาไม่รู้อะไรเลยสักนิด ตอนนั้นคุณน้าถามผม ผมไม่อยากดึงคนอื่นเข้ามาพัวพัน อีกอย่างเวลานี้ผมไม่เหมือนเดิมแล้วด้วย แล้วต่อให้เป็นความจริง มันก็เป็นอดีตไปหมดแล้ว คนเราเปลี่ยนกันได้ ผมในตอนนี้เป็นผมคนใหม่แล้วครับ”
เฮ่อฮั่นจู่มองหญิงสาวแล้วถึงกับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีไปชั่วขณะ
แม้เขาจะบอกตนเองว่าไม่ควรสร้างความลำบากใจให้เธอด้วยเรื่องที่เธอปกปิดตัวตนที่แท้จริงนี้ แต่ถึงที่สุดแล้วคนใจแคบอย่างเขายังคงทำใจยอมรับไม่ได้บ้างอยู่ลึกๆ
ดังนั้นเมื่อวานตอนเธอมาหาเขาเพื่อพูดแทนคุณลุง ระหว่างทางไปส่งเธอที่โรงแรม เขาตัดสินใจอย่างปุบปับว่าจะให้โอกาสเธอพูดเปิดอกกับเขาอีกครั้ง
การกินเลี้ยงสังสรรค์ในคืนนี้ถึงได้เกิดขึ้นด้วยเหตุฉะนี้ ไม่นึกว่าในหัวเธอจะคิดถึงเรื่องนี้
เธอแต่งตัวเป็นผู้ชายมานาน คงไม่ได้นึกว่าตนเองกลายเป็นผู้ชายไปแล้วสินะ