ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง
ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 74-76
ช่วงใกล้ปลายปี นับวันกองบัญชาการยิ่งมีงานยุ่งมากขึ้นทุกทีเช่นกัน
วันนี้เฮ่อฮั่นจู่ไม่ได้หยุดพักตลอดจนถึงสิบหกสิบเจ็ดนาฬิกา เขายังอยู่ในห้องทำงานคุยโทรศัพท์กับซุนเมิ่งเซียน บอกอีกฝ่ายว่าต้องจัดตั้งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มใหม่ ตรวจสอบสิทธิ์ในการผ่าตัดผู้ป่วยของโรงพยาบาลชิงเหอทันที
เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งการเรื่องนี้ด้วยตนเอง อธิบดีซุนจึงได้แต่ขานรับอย่างไม่มีทางเลือก
เฮ่อฮั่นจู่วางหูโทรศัพท์แล้ว ติงชุนซานก็เข้ามารายงานสองเรื่อง
เรื่องแรกเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดในวิทยาลัยของคุณชายซูว่าเมื่อคืนเพื่อนร่วมห้องเจ็ดคนของเขายกขบวนกันไปขึ้นรถไฟมุ่งหน้าสู่ค่ายฝึกทหารประจำฤดูหนาวพร้อมกันหมด เหลือคุณชายซูแค่คนเดียวแล้ว
เฮ่อฮั่นจู่ที่อ่านเอกสารในมืออยู่ไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ
ติงชุนซานเห็นผู้เป็นนายเหมือนไม่ค่อยสนใจข่าวนี้ กำลังคิดจะจบการรายงาน ก็ได้ยินเขาเอ่ยขึ้นว่า “ถอนคำสั่งได้ หลังจากนี้ไม่ต้องให้คนจับตาดูอีก”
ติงชุนซานขานตอบคำหนึ่งแล้วรายงานเรื่องที่สองต่อ
เรื่องที่สองเยี่ยหรู่ชวนเสร็จธุระทางนี้แล้ว เตรียมขึ้นรถไฟลงใต้กลับบ้านในคืนนี้ เขาให้คนส่งเทียบมา เขียนคำอำลาและขอบคุณท่านผู้บัญชาการที่ต้อนรับขับสู้เขาอย่างอบอุ่น ทั้งยังเชิญชวนท่านให้ไปเป็นแขกที่เมืองซวี่ในวันหลัง
เฮ่อฮั่นจู่รับเทียบมาดูปราดหนึ่งแล้ววางลง
ติงชุนซานรายงานจบแล้วออกไป เลขาฯ เฉินก็เข้ามาต่อทันที เอ่ยเตือนเขาว่าคืนนี้ต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันคริสต์มาสที่โรงแรมเทียนเฉิงจัดขึ้น งานเริ่มตอนสิบเก้านาฬิกาตรง
เฮ่อฮั่นจู่นวดๆ หว่างคิ้ว ดูนาฬิกาเห็นว่าใกล้เวลาแล้ว เขาจึงลุกขึ้นสวมเสื้อโค้ตเพื่อกลับไปที่คฤหาสน์สกุลเฮ่อ เตรียมเปลี่ยนชุดออกไปงานเลี้ยง
พอกลับไปถึงเขาก็ได้รับคำบอกว่าวันนี้น้องสาวอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้ออกไปไหน เขาไปหาก็เห็นเธออ่านหนังสืออยู่ จึงถามว่าคืนนี้อยากไปงานคริสต์มาสกับเขาไหม
เฮ่อหลันเสวี่ยส่ายหน้า “ไม่เห็นน่าสนุกเลย ไม่อยากไปค่ะ ใกล้จะสอบปลายภาคแล้ว ฉันอยากทบทวนตำรา พี่ไปเองเถอะค่ะ”
เฮ่อฮั่นจู่พยักหน้า บอกให้น้องสาวกินอาหารเย็นแล้วเข้านอนแต่หัวค่ำ
จากนั้นเขาก็ออกจากห้องของเธอ กำลังจะไปอาบน้ำให้สดชื่น ป้าอู๋พลันวิ่งเข้ามารายงานว่าเมื่อครู่มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อคุณถังส่งคนมาบอกว่าคุณชายสกุลหวังดื่มเหล้าเมาอยู่ที่โรงละครของเธอไม่ยอมกลับ เธอรับมือไม่ไหวเลยรู้สึกกังวลใจมาก รู้ว่าเขากับคุณชายหวังรู้จักมักคุ้นกัน หวังว่าเขาจะมาดูให้หน่อย
เริ่มแรกคุณนายหวังวางแผนให้ลูกชายแต่งงานกับเฮ่อหลันเสวี่ย พอหวังถิงจือก่อความวุ่นวายแบบนี้ เธอก็หมดหวังแล้วจำต้องล้มเลิกความคิดนี้ไป ตั้งใจว่าจะมองหาตระกูลอื่นที่สมน้ำสมเนื้อกันและช่วยหนุนหลังสามีได้จากในหมู่คนใกล้ตัวใหม่อีกครั้ง
เธอคิดคำนึงว่าเพราะตนเองทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่ตัวเฮ่อหลันเสวี่ยตั้งแต่สองปีก่อน ทำให้ไม่ได้สังเกตสังกาคนอื่นเลย ตอนนี้เห็นทีว่าคนที่เหมาะสมคงโดนเลือกไปหมดแล้ว คุณนายหวังสุดแสนจะเสียดาย ยังมีแก่ใจอยู่ที่เมืองเทียนต่อที่ไหนกัน เธอกลับไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว
เดิมทีเธอจะพาหวังถิงจือไปด้วย แต่เขาไม่ยอมกลับ บอกให้เธอไปดูเอง พอดูเสร็จแล้วเขาก็แต่งงานเท่านั้นเป็นพอ คุณนายหวังหมดปัญญา ก่อนไปเธอฝากให้เฮ่อฮั่นจู่ช่วยดูแลลูกชายแทนด้วย
คราวก่อนโรงละครของคุณถังที่เพิ่งเปิดใหม่เกิดเหตุลอบสังหาร เป็นเหตุให้เลี่ยวโซ่วหลินจบชีวิตคากองเลือด ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้คุณถังเสื่อมเสียชื่อเสียงแต่อย่างใด กลับกลายเป็นว่าโรงละครของเธอได้รับอานิสงส์จากคดีที่ชวนให้พิศวงนี้ มีชื่อปรากฏบนหนังสือพิมพ์อยู่เนืองๆ ได้รับความสนใจจากผู้คนที่พากันมาดูไม่น้อยจนรู้จักกันไปทั่วเมือง เหมือนเป็นการลงโฆษณาให้เปล่าๆ อีกทั้งถึงวันตรุษฝรั่งพอดี สาวสังคมเช่นคุณถังก็ต้องไม่มีทางพลาดงานเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองนี้เป็นธรรมดา เธอจัดงานปาร์ตี้สวมหน้ากากที่เรียกได้ว่าทันสมัยที่สุดของยุคนี้ติดต่อกันหลายคืน ดึงดูดบรรดาลูกหลานเศรษฐีเสเพลทุกระดับชั้นของเมืองนี้ให้แห่กันมาร่วมสังสรรค์กันทั้งคืน
คุณชายสกุลหวังมาร่วมงานคืนก่อนหน้า ตอนนั้นเขาดื่มจนเมาหัวราน้ำ พอสร่างก็ดื่มต่อจนเมาพับหลับไปอีกวนเวียนไปเรื่อยๆ ไม่ยอมกลับ
เจ้าของสถานที่แบบนี้ย่อมไม่กลัวพวกนักกินนักดื่ม แต่ปัญหาคือลูกค้าคนนี้คือคุณชายของสกุลหวัง
คุณถังเห็นเขาไม่ค่อยปกติก็ชักใจคอไม่ดี กลัวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขาที่นี่ ตนเองจะเดือดร้อนครั้งใหญ่ แต่เธอไม่กล้าไล่เขากลับเองเลยนึกถึงเฮ่อฮั่นจู่ จึงส่งคนเชิญอีกฝ่ายมาช่วยแก้สถานการณ์ให้
ด้านเฮ่อฮั่นจู่รีบรุดไปที่นั่นทันที พอก้าวเข้าไปก็เห็นหวังถิงจือในสภาพเสื้อผ้าอาภรณ์หลุดลุ่ย ซ้ำยังดื่มเหล้าเย้าหยอกกับเหล่าสาวนักเต้นในอ้อมแขนทั้งซ้ายขวา มีสาวนักเต้นคนหนึ่งโอบคอเขายื่นริมฝีปากชิดใบหูพูดอะไรก็สุดรู้ เขาหัวเราะร่วนอย่างชอบอกชอบใจ แต่เสียงหัวเราะยังไม่เงียบลง จู่ๆ เขาก็หน้าเปลี่ยนสี คลายแขนออกจากตัวสาวนักเต้นแล้ววิ่งทะยานไปข้างบ่อน้ำพุเสริมฮวงจุ้ยตรงมุมห้อง เกาะขอบบ่อโก่งคออาเจียนไม่หยุด เริ่มแรกสิ่งที่อาเจียนออกมาเป็นน้ำเหล้าทั้งนั้น กระทั่งตอนท้ายคล้ายจะมีน้ำย่อยในกระเพาะอาหารปนออกมาด้วย ถึงได้หยุดอาเจียนในที่สุด
ผ่านไปครู่ใหญ่เขายังคงฟุบหมอบอยู่ข้างบ่อน้ำพุนิ่งๆ ไม่ขยับตัวลุกขึ้น
สาวนักเต้นสองสามคนเดินยิ้มหวานเข้าไปช่วยกันคนละไม้คนละมือ คนหนึ่งพยุงเขา คนหนึ่งโอบคอเขา และคนหนึ่งจะเช็ดปากให้
“คุณชายหวังเป็นอะไรไปคะ อ้วกเสร็จแล้วยังไม่ลุกขึ้นอีก…”
“ไสหัวไปให้พ้น!” หวังถิงจือบันดาลโทสะกะทันหันด้วยเหตุใดก็สุดรู้ ปัดแขนของสาวนักเต้นที่จับเขาไว้คนหนึ่งออกสุดแรง
สาวนักเต้นคนนั้นโดนเขาฟาดแขนทีหนึ่ง ร้องอุทานด้วยความเจ็บพร้อมล้มลงกับพื้น คนที่เหลือเห็นเขาฉุนเฉียวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก็ลุกลนถอยออกห่าง
เฮ่อฮั่นจู่หยุดยืนตรงหน้าประตู คุณถังที่นำทางเข้ามาเห็นเขามีสีหน้าเคร่งเครียดก็หวาดหวั่นพรั่นใจอยู่บ้าง เธออธิบายเสียงเบาว่า “ผู้บัญชาการเฮ่อ ฉันไม่ได้มีเจตนารั้งตัวเขาไว้จริงๆ นะคะ เมื่อวานฉันบอกกับเขาดีๆ แล้วแต่เขากลับโมโห ฉันก็เลยไม่กล้าพูด…”
หวังถิงจือตะเพิดสาวนักเต้นไปแล้วตะเกียกตะกายลุกจากข้างบ่อน้ำพุเอง เขาเพิ่งเงยหน้าขึ้นก็เห็นเฮ่อฮั่นจู่สาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามาแล้วอึ้งงันไปนิดหนึ่ง ก่อนจะมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นทันที เขาเดินโซเซไปหาอีกฝ่าย “พี่สี่! พี่มาได้ยังไง หรือว่ามาเที่ยวที่นี่เหมือนกัน…”