ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง
ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 74-76
เฮ่อฮั่นจู่ให้ผู้ติดตามพาหวังถิงจือไปที่รถ ส่วนตนเองหยิบเสื้อโค้ตของเขาแล้วหันหลังออกไป
หวังถิงจือขึ้นรถแล้วหลับไป เขานอนราบบนเบาะหลังหลับตานิ่งๆ
เฮ่อฮั่นจู่พาเขาตรงดิ่งกลับไปที่บ้านแล้วเอาตัวไปวางบนเตียงในห้องพักแขก
เวลานี้เองเหมยเซียงเข้ามาในห้องบอกว่าเมื่อครู่คุณหนูเฉาโทรศัพท์มาถามว่าเขาจะไปรับเธอเวลาใด
“บอกเธอว่าฉันมีธุระ ให้เธอไปเองก่อนได้เลย ฉันจะไปถึงช้าหน่อย”
เหมยเซียงขานรับคำหนึ่งถึงหมุนตัวออกไป
เฮ่อฮั่นจู่ใช้ขาเกี่ยวเก้าอี้มาใกล้ๆ แล้วนั่งลง
ยามนี้ยังไม่หกนาฬิกา ท้องฟ้าข้างนอกกลับมืดสลัวแล้ว
เขาจุดบุหรี่สูบไปได้ครึ่งมวน หวังถิงจือบนเตียงก็พลันลืมตาขึ้นช้าๆ บอกว่า “พี่สี่ ผมไม่ได้เมา พี่มีธุระก็ไปทำเถอะ อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย”
เสียงของเขาแหบแห้งเหมือนกล่องเสียงแตก ชวนให้ระคายหูมาก
เฮ่อฮั่นจู่คาบบุหรี่ในปากลุกไปเปิดไฟแล้วเดินกลับมา เขารินน้ำจากกระติกน้ำอุ่นถ้วยหนึ่งยื่นส่งให้พลางพูด “เธอคิดจะทำอะไร” น้ำเสียงของเขานุ่มนวลอ่อนโยน
หวังถิงจือไม่รับไว้ เขานิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่งและค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง “พี่สี่ ผมทรมานใจมากถ้าไม่พูดออกมา ผมใกล้จะอึดอัดใจตายอยู่แล้ว แต่ไหนแต่ไรผมเห็นพี่เป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆ แล้วพี่ก็เข้าใจอะไรๆ มากกว่าผม ผมอยากถามพี่เรื่องหนึ่ง ผมจะชอบคนที่ผมชอบไม่ได้จริงๆ หรือครับ ถ้าผมยังชอบเขาอยู่ดี พี่จะช่วยผมไหม”
เขามองเฮ่อฮั่นจู่พร้อมกับถามประโยคนี้ออกมาช้าๆ
ราวกับรู้ว่าความคิดของตนเองเหลวไหล หวังถิงจือไม่รอฟังคำตอบของเขา ชิงพูดขึ้นอีกว่า “ผมคิดไว้หมดแล้ว ผมมีเงิน ผมพาเขาไปปักหลักที่ซีหยางได้ แบบนี้เขาก็ไม่ต้องโดนครหา ผมสามารถปกป้องเขาได้ตลอดชีวิต…”
“เธอทำไม่ได้หรอก” เฮ่อฮั่นจู่ตัดบทเขาฉับพลัน สีหน้าแข็งกร้าวขึ้นตามน้ำเสียงที่ไม่นุ่มนวลดังเก่า “ถิงจือ ฉันไม่มีสิทธิ์ห้ามเธอไม่ให้รักชอบใคร แต่ฉันขอเตือนเธอว่าอย่าไปยุ่งกับซูเสวี่ยจื้อ!”
หวังถิงจือส่ายหน้า “พี่สี่ ผมรู้ว่าผมไม่ควรทำ แต่ผมอยากไปหาเขามากจริงๆ…”
“หาเขาทำไม บอกว่าเธอชอบเขา จะพาเขาหนีไปไกลสุดหล้าหรือ ถิงจือ เธอไม่ใช่เด็กแล้ว ต้องรู้ว่าอะไรควรไม่ควร เธอไม่เหมาะสมกับเขาสักนิด ต่อให้เขาเป็นผู้หญิงจริงๆ เธอก็ไม่ใช่คู่ชีวิตที่ดีสำหรับเขา”
“เพราะอะไรครับ พี่สี่มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินผมแบบนี้” ใบหน้าของหวังถิงจือฉายอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้น เขาลุกพรวดพราดลงจากเตียง
“เพราะอะไรผมถึงไขว่คว้าสิ่งที่ผมชอบไม่ได้ ผมก็มีสิทธิ์นี้เหมือนกัน ทำไมพี่สี่ต้องห้ามผม แม่ผมให้พี่ทำอย่างนี้ใช่ไหม พี่กับแม่ผมก็เป็นคนประเภทเดียวกันนั่นล่ะ!” เขาพูดจบแล้วก้าวยาวๆ ออกไป
เฮ่อฮั่นจู่กระแทกถ้วยน้ำในมือลงบนตู้หัวเตียงเต็มแรง น้ำในถ้วยไหวกระเพื่อมจนกระฉอกออกมา
“เพราะเส้นทางชีวิตของพวกเธอต่างกันน่ะสิ เธอไม่แจ่มแจ้งจริงๆ หรือ”
สุ้มเสียงของเขาเข้มงวดดุดันยิ่ง “เขากับเธออยู่กันคนละโลก! ที่เขาต้องการคือคนที่มีความสนใจเหมือนกันและสามารถมอบชีวิตที่สุขสงบมากกว่าให้เขาได้ แล้วเธอล่ะมีอะไรบ้าง พ่อที่ทรงอิทธิพลล้นฟ้าเลยยิ่งจำเป็นต้องมีผู้สืบทอดทุกสิ่งทุกอย่าง หรือว่าชาติกำเนิดที่กำหนดให้เธอต้องเดินไปตามเส้นทางที่วงศ์ตระกูลขีดไว้ให้?”
หวังถิงจือหยุดยืนหันหลังให้อยู่ตรงประตู ตัวเขานิ่งค้างไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
เฮ่อฮั่นจู่พรูลมหายใจออกช้าๆ เขาอ้าปากพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “คนที่อุดมการณ์ต่างกันไม่อาจทำงานร่วมกันได้ การคบเพื่อนก็เหมือนกัน นับประสาอะไรกับคนที่จะอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิต ถิงจือ เธอทำร้ายลูกชายสกุลลู่จนตายด้วยอารมณ์ชั่ววูบเพราะเขา ฉันตำหนิเธอไม่ได้ มิหนำซ้ำจะให้ชมเชยในความทุ่มเทของเธอก็ยังได้ แต่อาศัยความทุ่มเทอย่างเดียวไม่มีทางไปได้ตลอดรอดฝั่ง เธอเป็นคนฉลาด ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะไม่เข้าใจเหตุผล เธอแค่ไม่ยอมเผชิญหน้าตรงๆ เท่านั้นเอง ถ้าเธอยืนกรานความคิดของตนเอง ก็เท่ากับหันหลังให้ชาติตระกูลของเธอ ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าครอบครัวของเธอจะอนุญาตหรือเปล่า เธอถามตนเองดูก่อนว่าเธอมีความกล้าที่จะทนให้ไฟเผาตนเองไหม มีความสามารถที่จะประจันหน้ากับทุกอย่างจริงๆ ไม่ใช่ใช้วิธีน่าหัวเราะของพวกคนขี้ขลาดด้วยการพาคนที่เธอชอบหนีไปต่างประเทศ”
ภายในห้องไม่มีสุ้มเสียงใดอีกเป็นนานครู่ใหญ่ มีเพียงเสียงน้ำหยดกระทบพื้นแผ่วเบาขาดเป็นห้วงๆ
หวังถิงจือหมุนตัวมาช้าๆ ในที่สุด “พี่สี่ ผมลองดูไม่ได้จริงๆ หรือครับ ผมเต็มใจแลกทุกอย่างเพื่อความรักของผมจริงๆ…”
“ไม่ได้” คำพูดของเฮ่อฮั่นจู่ทั้งเลือดเย็นและไร้ความปรานีดุจเดียวกับน้ำเสียงของเขาในชั่วขณะนี้ “ถ้าสุดท้ายเธอถอดใจยอมแพ้ บางทีเธออาจยังถอนตัวได้ทัน แต่เขาไม่ได้ เขาเรียกฉันว่าคุณน้า ดังนั้นฉันจะบอกกับเธอตามตรงว่าถึงเธอจะมีกำลังปกป้องเขาได้จริงๆ ฉันก็ไม่อยากให้เธอไปยุ่งกับเขา ฉันขอพูดซ้ำคำเดิม เขาไม่ใช่คนจำพวกเดียวกับพวกเรา อย่าไปก่อกวนชีวิตในตอนนี้ของเขา”
ดวงตาที่แดงก่ำของหวังถิงจือจ้องมองเฮ่อฮั่นจู่นานครู่ใหญ่ เขาถึงเอ่ยเสียงแหบพร่าขึ้นว่า “พี่สี่พูดถูก ถูกต้องทุกอย่าง ความร่ำรวยมีเกียรติที่ทำให้ผมได้เสพสุขตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาเป็นหนี้ของผม ผมต้องชดใช้ แต่ผมทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเลย พี่สี่ ผมอยากรู้ว่าถ้าเปลี่ยนเป็นพี่ชอบคนคนหนึ่ง ชอบถึงขนาดที่ยอมสละทุกอย่างแม้แต่ชีวิตของพี่เพื่อเขาได้ พี่จะทำอย่างไร หรือว่าพี่จะห้ามตนเองเหมือนกับที่ห้ามผมอย่างใจร้ายตอนนี้หรือเปล่า พี่ทำได้จริงๆ ใช่ไหม”
“ฉันไม่มีทางทำอย่างนี้” เฮ่อฮั่นจู่พูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “ถิงจือ เธอจงจำเอาไว้ ในโลกนี้ไม่ว่าเป็นความรักแบบไหนก็ตาม ล้วนสามารถตีราคาได้ทั้งนั้นเมื่อมีผลประโยชน์อยู่ตรงหน้า ฉะนั้นถ้าวันหนึ่งฉันเจออย่างที่เธอพูดจริงๆ ฉันจะให้ตนเองทำแบบที่เตือนเธอเช่นกัน”
หวังถิงจือมองเฮ่อฮั่นจู่นิ่งๆ ใบหน้าเขาฉายแววทดท้อสิ้นหวัง สุดท้ายเผยรอยยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ เขาพูดพึมพำออกมาว่า “พี่สี่ ผมรู้แล้ว ผมคงดื่มจนเมาไปแล้ว ผมควรจะกลับเมืองหลวงเหมือนกัน ที่นี่ไม่ใช่ที่ของผม…”
เฮ่อฮั่นจู่เรียกคนขับรถมาสั่งให้ไปส่งหวังถิงจือ เขายังโทรศัพท์บอกให้ติงชุนซานแจ้งให้พี่น้องของคุณนายหวังรับทราบและส่งคนมารอรับหวังถิงจือ
เขาวางสายแล้วหมุนตัวขึ้นไปข้างบน เห็นน้องสาวที่ออกมาตั้งแต่ตอนไหนก็สุดรู้ยืนอยู่ตรงชานพักบันได เบิ่งตาโตมองตามแผ่นหลังของหวังถิงจือที่จากไป เธอทำหน้าตื่นตกใจแกมห่วงใย ชายหนุ่มจึงเข้าไปเอ่ยปลอบเธอสองสามคำว่าไม่มีเรื่องอะไร และบอกเธอว่าไม่ต้องเป็นห่วง
พอพูดกล่อมให้น้องสาวกลับไปแล้ว เขาก็กลับไปที่ห้องของตนเอง เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสูทที่จะสวมคืนนี้ เสร็จแล้วลากมือผ่านเนกไทหลายเส้นที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า จากนั้นดึงเส้นที่คุณหนูเฉามอบให้ออกมาผูกหน้ากระจก ก่อนจะออกจากห้องเดินลงไปถึงหัวบันไดแล้วพลันชะงักเท้าเล็กน้อย
คุณหนูเฉาสวมเสื้อคลุมมีฮู้ด เห็นกระโปรงราตรีหรูหราสีม่วงเข้ากับเนกไทของเขาโผล่พ้นชายเสื้อคลุมออกมาท่อนหนึ่ง เธอแต่งตัวแต่งหน้าอย่างสวยงามเต็มที่
หญิงสาวนั่งอยู่ในห้องรับแขกชั้นล่างอย่างสงบ ชะรอยจะได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา เธอเงยหน้าขึ้นมองมาแล้วผลิยิ้มลุกขึ้นยืน
เฮ่อฮั่นจู่ก้าวฉับๆ ลงบันได
คุณหนูเฉาพูดอธิบาย “ฉันไม่ได้รีบจะไปงานนะคะ แค่ได้ยินสาวใช้บอกทางโทรศัพท์ว่าคุณอยู่บ้าน ฉันเลยมารอคุณเอง”
เฮ่อฮั่นจู่ผงกหัวนิดหนึ่งพร้อมยิ้มน้อยๆ “ลำบากคุณแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”