ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 74-76 – หน้า 6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 74-76

บทที่ 75

วันนี้คุณลุงของซูเสวี่ยจื้อจะเดินทางกลับแล้ว

จากเมืองซวี่ถึงเมืองเทียนเป็นเส้นทางที่สมบุกสมบัน นอกจากขึ้นรถลงเรือระหว่างทางยังต้องผ่านพื้นที่หลายแห่งที่ตัดขาดจากโลกภายนอกการคมนาคมไม่สะดวก ซึ่งขณะนี้ได้แต่อาศัยการว่าจ้างรถเทียมม้าหรือล่อแบบโบราณที่สุดในการสัญจร คุณลุงอายุเกินครึ่งร้อยแล้ว อุตส่าห์เร่งเดินทางมาแต่พักอยู่ไม่กี่วันก็กลับ จุดประสงค์เพื่อดูสภาพความเป็นอยู่ของเธอทางนี้ ซูเสวี่ยจื้อซาบซึ้งอยู่ในใจ เพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้ เธอมีครอบครัวไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไป ตอนนี้คุณลุงจะไปแล้ว แม้ท่านจะพร่ำพูดซ้ำๆ ว่าเธอเรียนหนักไม่ต้องไปส่ง แต่หญิงสาวยังคงไปส่งคุณลุงออกเดินทางพร้อมกับญาติผู้พี่ถึงที่โรงแรมแต่เช้า

ด้วยรู้ว่าท่านเป็นคนมัธยัสถ์ ถึงมีเงินทองแต่ไม่ยอมใช้จ่ายกับเรื่องของตนเอง ตอนขามาก็ซื้อตั๋วรถนั่ง ทนนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่บนรถไฟติดกันหลายวันหลายคืน หนนี้เป็นขากลับ สองลูกพี่ลูกน้องถือวิสาสะซื้อตั๋วตู้นอนเที่ยวสิบเก้านาฬิกาสามสิบนาทีคืนนี้ให้ท่านกับซูจง หลังขึ้นรถแล้วสามารถเอนกายลงนอนพักผ่อนได้

ตกเย็นซูเสวี่ยจื้อไปถึงโรงแรมแล้วเตรียมตัวไปส่งคุณลุงที่สถานีรถไฟ

เยี่ยหรู่ชวนกำลังจะกลับไปแล้ว เขาไม่วายพูดกำชับกำชาหลานสาวยกหนึ่ง ทั้งยังถามอีกว่าเธอจะกลับบ้านตอนปิดเทอมฤดูหนาวหรือไม่

พอปิดเรียนตอนปลายภาค ซูเสวี่ยจื้อต้องติดตามผู้อำนวยการเหอไปเข้าการสัมมนางานวิจัยทางการแพทย์นานาชาติที่เมืองหลวง ประกอบกับจากที่นี่ไปถึงเมืองซวี่เป็นระยะทางไกลจริงๆ แล้วการคมนาคมในยุคนี้เดินทางไปกลับรอบหนึ่งต้องใช้เวลานานมาก เธออธิบายให้ท่านเข้าใจว่าช่วงนั้นไม่ว่างเลยไม่ได้วางแผนกลับไป

เยี่ยหรู่ชวนถอนใจด้วยความรู้สึกเสียดาย แต่ก็รู้ว่าหลานสาวไม่มีเวลาพอ คงได้แต่เป็นไปตามนี้แล้ว เขาเอ่ยกำชับเธออีกว่าอยู่ทางนี้คนเดียวต้องระวังสุขภาพและดูแลตนเองให้ดีๆ

เยี่ยเสียนฉีที่รออยู่ด้านข้างพูดแทรกคำหนึ่ง “ผมไม่ใช่คนหรือครับ ผมอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเสวี่ยจื้อ จะบอกว่าน้องอยู่คนเดียวได้อย่างไรกัน”

เยี่ยหรู่ชวนทำเสียงถุยน้ำลายทีหนึ่ง “แกก็นับเป็นคนหรือ ไปไกลๆ ฉันหน่อย เห็นแล้วของขึ้น!”

ซูจงเห็นสองพ่อลูกเริ่มต่อปากต่อคำกันตามเคย จึงรีบเข้ามาพูด “นายท่านเยี่ย ใกล้ถึงเวลาแล้ว ขืนไม่ออกจากโรงแรมอีก ระวังจะไปขึ้นรถไฟไม่ทันนะขอรับ”

เยี่ยหรู่ชวนถึงได้เลิกราเท่านี้ แต่ยังมองลูกชายตาเขียวปัดอีกแวบหนึ่ง

ซูจงจัดแจงให้ผู้ติดตามช่วยกันยกกระเป๋าสัมภาระนำหน้าลงไปพร้อมกับเยี่ยเสียนฉีเพื่อเรียกรถลากก่อน

ซูเสวี่ยจื้อนั้นอยู่กับเยี่ยหรู่ชวนทางด้านหลัง เธอยื่นหมวกกับเสื้อกันหนาวให้และช่วยคุณลุงสวมใส่ให้เรียบร้อยถึงค่อยตามลงไป

วันนี้เป็นวันคริสต์มาสของชาวตะวันตกพอดี บริเวณโถงใหญ่ชั้นล่างของโรงแรมดูเหมือนจะจัดงานเลี้ยงฉลองของสถานกงสุล

ตอนพวกเธอลงไป งานเลี้ยงจวนจะเริ่มต้นขึ้น คนดังประจำเมืองนี้มารวมตัวกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ประตูทางเข้าด้านหน้าปูพรมแดงผืนหนึ่ง ได้ยินเสียงพูดคุยระเบ็งเซ็งแซ่อยู่ใกล้ๆ

กลุ่มของเธอไม่อยากเบียดเสียดกับผู้คนเลยไม่ได้เดินออกทางประตูใหญ่ที่ปูพรมแดงไว้ แต่ใช้ประตูเล็กด้านข้างที่โรงแรมเปิดไว้เป็นพิเศษสำหรับคืนนี้ซึ่งมีคนน้อยกว่า

เยี่ยเสียนฉีบอกให้พ่อกับญาติผู้น้องรออยู่หน้าประตูสักครู่ ส่วนตนเองวิ่งไปเรียกรถลาก

ระหว่างที่รออยู่เยี่ยหรู่ชวนสองจิตสองใจนิดหนึ่งก่อนพูดกระซิบกับหลานสาว “เสวี่ยจื้อ ลุงจะกลับไปแล้ว เธอไม่มีคำพูดอะไรอยากฝากถึงแม่เธอบ้างหรือ”

ในสมองของหญิงสาวปรากฏภาพเหตุการณ์ตอนเธอจากมาวันนั้น ผู้เป็นแม่ยืนส่งอยู่หน้าประตูทำท่าคล้ายจะโบกมือให้แต่กลับลดมือลงกลางคัน

จนบัดนี้ซูเสวี่ยจื้อยังไม่ถึงกับรู้จักแม่คนนี้สักเท่าไร ยิ่งถ้าว่ากันถึงความผูกพัน เธอรู้สึกใกล้ชิดกับเยี่ยหรู่ชวนมากกว่าด้วยซ้ำไป

แต่ไม่รู้เพราะอะไรเธอรู้สึกคล้ายว่าจิตใจของตนเองในเวลานี้อ่อนละมุนลงกว่าตอนย้อนกลับมาในยุคนี้ใหม่ๆ มาก เธอบอกว่า “กลับถึงบ้านแล้ว หนูรบกวนคุณลุงบอกกับคุณแม่ด้วยว่าให้ท่านดูแลสุขภาพดีๆ เหมือนกัน ไว้ปีหน้าหนูหาเวลาว่างได้จะกลับไป” เธอพูดตบท้ายอีกหนึ่งประโยค “แล้วก็ฝากสวัสดีน้าหงแทนหนูด้วยนะคะ”

หลานสาวจากบ้านมาเกือบครึ่งปี นอกจากผลการเรียนดีขึ้นอย่างพุ่งพรวด เยี่ยหรู่ชวนรู้สึกนิสัยใจคอของเธอก็เปลี่ยนไปมาก มีความอ่อนน้อมและสุขุมรอบคอบกว่าแต่ก่อนมาก เขาได้ยินเธอพูดแบบนี้ จึงพยักหน้าหงึกหงักด้วยความดีใจ “ได้ๆ ลุงจะบอกให้เธอแน่นอน”

ซูเสวี่ยจื้อเอ่ยขอบคุณยิ้มๆ จังหวะนี้เองญาติผู้พี่วิ่งมาบอกว่าเจอกับฟู่หมิงเฉิงตอนไปเรียกรถลาก พออีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะไปส่งพ่อที่สถานีรถไฟก็พูดทันทีว่าจะขับรถไปส่งพวกเขาเอง

“เขายืนกรานจะไปส่งให้ได้ ไปเอารถแล้วด้วย ผมเลยตอบตกลง พ่อกับเสวี่ยจื้อนั่งรถยนต์ก็ดี จะได้ไม่ต้องหนาวเกินไป ส่วนผมกับพวกลุงจงนั่งรถลากไปพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระก็แล้วกัน”

ซูเสวี่ยจื้อเหลือบตามองเห็นรถยนต์คันหนึ่งแล่นออกจากที่จอดรถของโรงแรมมาหยุดจอดอยู่ริมถนนใกล้ๆ ประตูเล็กแล้ว

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com