ชิงโม่เหยียนมองดูชะมดเช็ดที่นั่งอยู่บนตักของเขา มุมปากกระตุกขึ้นมา “ข้าไม่รู้เลยว่าที่แท้สัตว์อย่างชะมดเช็ดจะลามกเช่นนี้”
หรูเสี่ยวนันใช้เท้าปิดหน้าทันใด
หมดกันๆ ความสง่างามของข้า ถูกฝังกลบไปหมดแล้ว
เพราะบาดแผลหลังคอของนางค่อนข้างหนัก ดังนั้นหลังจากชิงโม่เหยียนช่วยทายาให้นางแล้วจึงใช้ผ้าพันไว้สองแถบหลวมๆ สุดท้ายยังใส่กุญแจเหมือนล่ามนักโทษให้ด้วย
เห็นชะมดเช็ดตัวนี้ทำหน้า ‘รังเกียจ’ ชิงโม่เหยียนในดวงตากลับทอประกาย
มิน่าเล่าคนข้างนอกเหล่านั้นจึงตามหามันไปทั่ว สัตว์ที่มีความฉลาดเช่นนี้คิดว่าคงจะฟังภาษามนุษย์ได้กระมัง
เดิมทีมันต้องถูกนำถวายให้ฮ่องเต้ใช้เป็นเหยื่อในการล่าสัตว์ แต่ตอนนี้ดูไปแล้ว เขาจำเป็นต้องเก็บมันเอาไว้
เมื่อคิดว่ามีมันอยู่ วันหน้าก็ไม่ต้องทนทุกข์ตอนที่พิษกู่กำเริบ ความรู้สึกของเขาก็ผ่อนคลายลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
นอกกระโจมยังคงมีเสียงทหารเดินไปมาลอดเข้ามาอยู่บ่อยครั้ง หรูเสี่ยวนันหูตั้งขึ้นด้วยความหวาดผวา กลัวว่าพวกเขาจะเข้ามาหาที่นี่
ชิงโม่เหยียนเห็นถึงความหวาดกลัวในดวงตาของมันได้อย่างชัดเจน จึงพูดเสียงเบาขึ้นว่า “ขอเพียงเจ้าอยู่อย่างเชื่อฟังข้างกายข้า ข้าจะไม่มอบตัวเจ้าออกไปแน่นอน”
หรูเสี่ยวนันเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ
ท่าน…มั่นใจได้อย่างไรว่าข้าจะเข้าใจคำพูดของท่านได้
ชิงโม่เหยียนสั่งเสวียนอวี้ว่า “ไปหาของกินมาให้เจ้าตัวเล็กนี้สักหน่อย”
สีขนของมันดำสนิท เห็นท้องมันแบนราบ คิดว่ามันคงหิวมาเป็นเวลานานแล้ว
พอได้ยินว่ามีของกิน ดวงตาของหรูเสี่ยวนันก็เปล่งประกายทันที
เจ้านาย…ท่านช่างเป็นคนดี นี่คือเจ้านายผู้เมตตาในตำนานกระมัง
หัวที่มีขนปุยคลอเคลียไปกับมือของเขา
ไม่ว่าอย่างไรการสามารถหาเจ้านายที่ดูแลนางจนอิ่มท้องได้ก่อนก็ไม่เลว เรื่องหลังจากนี้รอแผลของนางหายดีแล้วค่อยว่ากันอีกที
ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวังและการรอคอย ในที่สุดเสวียนอวี้ก็กลับมา
หรูเสี่ยวนันยืนอยู่บนตักของชิงโม่เหยียน ขยับขาทั้งสี่อย่างตื่นเต้น
สามวันแล้ว นางหิวมาสามวันเต็มแล้ว
เสวียนอวี้หยิบจานใบหนึ่งมาวางบนพื้น
หรูเสี่ยวนันทนไม่ไหวอีกต่อไป นางยืดตัวมองไปในจาน ก่อนจะเห็นเสวียนอวี้โยนของสิ่งหนึ่งลงไปในจาน…หนูตาย