บทที่ 4
ในที่สุดชิงโม่เหยียนและหรูเสี่ยวนันที่ถูกเขากอดไว้ในอ้อมอกก็เดินทางมาถึงถนนหงเจีย
อากาศบริเวณนี้มีกลิ่นแป้งหอมลอยฟุ้ง หรูเสี่ยวนันจามออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
กลิ่นแสบจมูกเหลือเกิน นางเอาเท้าปิดจมูก
“ฮัดเช้ย! ฮัดเช้ย!”
หลังจากกลายเป็นสัตว์ การดมกลิ่นของนางดีกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า กลิ่นหอมแบบนี้กลับทำให้นางทนรับไม่ไหว
ชิงโม่เหยียนใช้แขนเสื้อบังนางที่อยู่ในอ้อมอก มีการบังชั้นนี้ กลิ่นหอมแสบจมูกนั้นเบาลงไปไม่น้อย แต่นางกลับมองไม่เห็นภาพข้างนอกแล้ว นางจะยอมได้อย่างไร
ชิงโม่เหยียนเห็นเจ้าตัวเล็กในอ้อมอกจามไม่หยุด แต่ตากลับพยายามมองสอดส่ายไปทั่ว คิ้วของเขาก็เลิกขึ้นทันที ก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นบังมันไว้อีกครั้ง
“ห้ามดู”
“จี๊ดๆ” หรูเสี่ยวนันส่งเสียงร้องโอดครวญ สาวงามมากมายแบบนั้น ไม่ดูก็เสียดายแย่
“ดูมากไปจะเป็นตากุ้งยิงเอาได้” จากนั้นชิงโม่เหยียนก็อุ้มมันพลางเดินเข้าไปในหอเชียนเล่อ
หรูเสี่ยวนันขยับไปมา ส่งเสียงร้องจี๊ดๆ อยู่ในแขนเสื้อเขา
โกหก ผีเท่านั้นที่เชื่อท่าน
ข้างหูมีเสียงหัวเราะเอียงอายของหญิงสาว “คุณชาย เชิญข้างในเจ้าค่ะ”
ชิงโม่เหยียนพาเสวียนอวี้เข้าไปในหอเชียนเล่อ
หรูเสี่ยวนันอยู่ในแขนเสื้อเขาพยายามอยู่นานก็มุดออกมาไม่ได้ เหนื่อยจนนางหายใจหอบ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ชิงโม่เหยียนจึงขยับแขนเสื้อออก หรูเสี่ยวนันยื่นหัวออกมาหายใจยาว และกำลังเตรียมจะชื่นชมเหล่าสาวงามรอบข้างอย่างตื่นตาตื่นใจ
“ฟ่อๆ…” มีเสียงคุกคามลอยมาจากข้างหน้า
งูใหญ่สีเงินตัวหนึ่งขดตัวอยู่บนโต๊ะ แลบลิ้นใส่พวกเขาอยู่
งู!
ขนทั้งตัวของหรูเสี่ยวนันพองขึ้นในทันที นางวิ่งพรวดขึ้นไปบนไหล่ของชิงโม่เหยียนและหลบไปด้านหลังของเขา
ชิงโม่เหยียนนั่งบนเก้าอี้อย่างสบายใจ
งูขาวตัวนั้นยื่นหัวมา ลิ้นแดงสดตวัดเข้าออก
“เรื่องที่เกิดในหอเชียนเล่อ เรื่องใดบ้างจะรอดพ้นสายตาของรุ่นเอ๋อร์เจี่ยได้” ชิงโม่เหยียนพูดเสียงเรียบ ดูราวกับไม่สังเกตเห็นงูขาวที่ขดตัวอยู่บนโต๊ะเลยแม้แต่น้อย
เสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวดังลอยมาจากประตู
“ข้าคิดว่าผู้ใดเสียอีก ที่แท้ก็รองตุลาการศาลต้าหลี่นี่เอง เด็กๆ รีบเอาชาชั้นดีมาเร็วเข้า”