นี่มันตัวอะไร! หรูเสี่ยวนันขายืดตรงเหมือนเผชิญกับศัตรูในทันที
“ใครน่ะ!” รุ่นเอ๋อร์เจี่ยตะคอก พร้อมกับที่งูขาวเสี่ยวไกวถูกนางสะบัดดังขวับและพุ่งทะลุออกนอกหน้าต่างไป
ในขณะเดียวกับที่งูขาวถูกเถ้าแก่เนี้ยหอเชียนเล่อโยนออกไปนอกหน้าต่าง ชิงโม่เหยียนก็อุ้มหรูเสี่ยวนันออกประตูไป
หรูเสี่ยวนันเบิกตาอย่างตื่นเต้นตกใจ แต่นอกหน้าต่างมีเพียงงูขาวนอนขดอยู่ตรงนั้น นอกจากนี้แล้วไม่ปรากฏว่ามีใครอื่นที่น่าสงสัยอยู่เลย
“เป็นไปได้อย่างไร…หรือความรู้สึกของข้าผิดไป” รุ่นเอ๋อร์เจี่ยยื่นมือออกไปข้างหน้า งูขาวก็เลื้อยพันข้อมือนางขึ้นมา
“ไม่ใช่” ชิงโม่เหยียนอุ้มหรูเสี่ยวนันมือเดียวแล้วย่อตัวลง
บนพื้นนอกหน้าต่างมีรอยเท้ารางเลือนรอยหนึ่งทิ้งเอาไว้
หรูเสี่ยวนันคิดถึงใบหน้าซีดไร้สีเลือดที่เห็นนอกหน้าต่างเมื่อครู่ก็ส่งเสียงร้องจี๊ดๆ อย่างร้อนใจ
ข้าก็เห็น ข้าก็เห็นเช่นกัน
ทว่าไม่มีใครเข้าใจว่านางพูดอะไร
รุ่นเอ๋อร์เจี่ยเข้ามาดูด้วย แล้วพูดอย่างประหลาดใจ “นี่คืออะไร”
นั่นเป็นรอยเท้าเล็กๆ คู่หนึ่ง ทว่ามันเล็กเกินไป ไม่สังเกตให้ดีจะมองไม่เห็นเลย
“ความรู้สึกของข้าคงผิดไปกระมัง” รุ่นเอ๋อร์เจี่ยกล่าว
ชิงโม่เหยียนขมวดหัวคิ้ว “เมื่อครู่ท่านบอกว่าจี๋ฟู่ออกจากหอเชียนเล่อไปเองหรือ”
“เขาต้องออกไปเองอยู่แล้ว ที่หอของพวกเราไม่รับเลี้ยงคนที่ไม่เกี่ยวข้อง” รุ่นเอ๋อร์เจี่ยพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน “และวันนั้นเขาก็ไม่ได้นัดใคร…แค่เรียกหงหลิงมาดื่มเหล้าด้วย อยู่ที่นี่ราวหนึ่งชั่วยามก็จากไป?”
หงหลิงยืนอยู่ข้างกายรุ่นเอ๋อร์เจี่ย นางพยักหน้าแล้วพูดว่า “วันนั้นจี๋ฟู่สั่งสุราสองกา ตอนข้าดีดพิณเขาก็ดูใจลอย ต่อมามีคนมาเคาะประตูผิดห้อง จี๋ฟู่เป็นคนไปเปิดประตูเอง ยืนอยู่ตรงประตูไม่รู้ว่าพูดอะไรกับคนผู้นั้นบ้าง พอกลับมาก็เหมือนคนเมา หมอบอยู่บนโต๊ะตลอด ข้าเห็นเขาเป็นเช่นนั้นจึงไปหยิบน้ำแกงสร่างเมา แต่ตอนที่กลับมาภายในห้องก็ไม่มีใครอยู่แล้ว”
เบาะแสของจี๋ฟู่ขาดหายไปเช่นนี้เลยหรือ
หรูเสี่ยวนันเห็นในดวงตาชิงโม่เหยียนฉายแววผิดหวัง จึงเอาเท้าแตะบนหลังมือของเขาเบาๆ
ชิงโม่เหยียนรับรู้ถึงความอบอุ่นบนหลังมือ จึงก้มหน้าลงมอง ดวงตาสีเขียวสุกใสแฝงความเป็นห่วงอย่างไม่ปิดบัง
ชิงโม่เหยียนบีบหูของมัน สัมผัสที่มือนั้นดีมาก ไม่รู้เพราะเหตุใด ความไม่สบายใจแต่เดิมกลับเบาบางลง