บทที่ 6
หุ่นไม้ถูกใส่เข้าไปในหีบเหล็กและลงกลอนแล้ว ชิงโม่เหยียนจึงหมุนตัวกลับไปที่ห้องหนังสือ มีคนจัดการเก็บกระถางไฟ จากนั้นก็เริ่มกวาดลานโดยรอบ
เสวียนอวี้เฝ้าดูหีบเหล็กถูกส่งเข้าไปในห้องว่างห้องหนึ่งในคลังเก็บของด้วยตนเอง ตอนหมุนตัวกลับไปลงกลอนประตู เขาก็ได้ยินเสียงเคาะดังมาจากในหีบเหล็กใบนั้น
แม้เสียงจะไม่ดัง แต่เขาก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน
คนงานหลายคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ตกใจจนขนหัวลุกซู่ “เช่นนี้…ไม่เป็นไรจริงหรือ…”
เสวียนอวี้แค่นเสียงเอ่ย “หึ กลัวอะไร แค่ทำตามคำสั่งของซื่อจื่อก็พอ ใครก็ห้ามเข้าใกล้ที่นี่เด็ดขาด”
ทุกคนได้ยินเช่นนั้นจึงพากันรับคำ
เสวียนอวี้ลงกลอนประตูคลังเก็บของด้วยตนเอง
แม้จะห่างด้วยประตูกั้น แต่ทุกคนก็ยังคงพอได้ยินเสียงเคาะตีจากในคลังเก็บของ
ตึง…ตึง…ตึง…
เสียงนี้ดังต่อเนื่องจนกระทั่งความมืดมาเยือน จึงได้หยุดลง
เวลาเดียวกันนี้ ภายในเรือนหลังหนึ่งในเมือง
“เห็นทีของสิ่งนี้คงใช้ประโยชน์ไม่ได้แล้ว” ณ ห้องที่มืดมิดห้องหนึ่ง เสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“เหตุใดจึงใช้ประโยชน์ไม่ได้แล้ว” ไม่ไกลมีชายอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ ภายในห้องที่มืดมิดไม่ได้จุดตะเกียง ดังนั้นจึงมองเห็นหน้าของเขาไม่ชัดเจน บนหัวไหล่ของเขามีเตียวขาวตัวหนึ่งพาดอยู่ ขนสีขาวหิมะดูสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาพูดไปพลางลูบขนของมันอย่างอ่อนโยนไปพลาง
“ยาสะกดวิญญาณยังอยู่ในตัวสัตว์ตัวนั้น แต่ข้าสัมผัสถึงยานั่นไม่ได้แล้ว…คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าตัวเล็กนั่นยังมีความสามารถเช่นนี้ด้วย”
ชายที่ลูบขนเตียวขาวเล่นยิ้มบางๆ ออกมา “มันเป็นสัตว์วิเศษที่เป็นเครื่องบรรณาการ ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว หลังจากทำเรื่องนี้เสร็จแล้วข้าจะเอาเจ้าตัวเล็กนั่นมาอยู่ในกำมือ”
“แต่ว่า…ยาสะกดวิญญาณเม็ดนั้นเสียไปแล้ว”
“เสียก็เสียไปเถอะ อย่างไรเสียเอกสารเหล่านั้นก็ถูกทำลายไปแล้ว” ชายหนุ่มลูบคอที่อ่อนนุ่มของเตียวขาว “บนโลกนี้สิ่งที่ไร้ค่าที่สุดก็คือชีวิตคน สิ่งนี้…อยากได้เท่าใดก็ย่อมได้” เขาหัวเราะแห้งขึ้นมา ริมฝีปากโค้งเป็นมุมอย่างน่าดูชม