ไม่เสียทีที่เป็นรองตุลาการศาลต้าหลี่ พูดไม่เข้าทีก็ชักสีหน้า เพียงออกปากเชิญไป ‘ดื่มชา’ ที่ศาลต้าหลี่ แค่จุดนี้ก็ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
“ซื่อจื่อ…เรื่องนี้…มีอะไรพูดกันก่อนก็ได้กระมัง” ใต้เท้าจางมีเหงื่อผุดในทันใด
“เหลวไหล!” ท่านโหวพูดอย่างโมโห “ใต้เท้าจางเป็นแขกทรงเกียรติของข้า!”
ชิงโม่เหยียนประสานมือไปทางบิดาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อวันนี้เป็นวันเกิดท่านพ่อเช่นนั้นก็เปลี่ยนเป็นวันอื่นเถอะ ขอใต้เท้าจางอย่าลืม ถึงเวลาทางศาลต้าหลี่จะได้ไม่ต้องส่งคนไปเชิญท่านมา”
พูดจบชิงโม่เหยียนก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
ด้านเสวียนอวี้มือถือกล่องหุ่นไม้หน้าหยกเดินตามข้างหลัง
ท่านโหวโกรธจนหน้าดำหน้าแดง “เจ้าลูกคนนี้ทำตัวไร้เหตุผลขึ้นทุกวันแล้ว”
ใต้เท้าจางตื่นตระหนก แต่ยังต้องพูดเกลี้ยกล่อมเป็นพิธี “ซื่อจื่อยังหนุ่มแน่นมีนิสัยมุทะลุ อีกไม่กี่ปีก็ดีเอง…”
ทุกคนในงานเลี้ยงถกกันไปต่างๆ นานา มีจำนวนไม่น้อยมองดูเรื่องนี้ด้วยความคิดชอบเห็นความทุกข์ของคนอื่น
ชิงโม่เหยียนอุ้มหรูเสี่ยวนันกลับไปที่เรือนพักของตนเอง
หรูเสี่ยวนันยื่นหน้าออกมาจากอ้อมอกเขาอยู่บ่อยครั้ง มองไปทางเสวียนอวี้อย่างเป็นกังวล
“เจ้าคิดว่าหุ่นไม้ตัวนี้มีปัญหาหรือ” เสียงของชิงโม่เหยียนดังขึ้นเหนือหัวของนาง
“จี๊ดๆ” หรูเสี่ยวนันพยักหน้า
“เจ้ากังวลว่าเสวียนอวี้จะถูกมันควบคุมหรือ” ชิงโม่เหยียนถามอีก
หรูเสี่ยวนันมองสำรวจเสวียนอวี้ องครักษ์ผู้นี้ท่าทางเซ่อซ่า แม้จะมีวรยุทธ์ไม่ธรรมดา แต่ความคิดบางอย่างของเขายากจะทำให้นางชื่นชมได้เต็มปาก โดยเฉพาะตอนที่เขาเอาหนูตายมาให้นางกิน นางยังจำแค้นนั้นเอาไว้ในใจตลอดมา
“จี๊ดๆ” นางส่ายหน้าใหญ่ นางไม่กังวลในตัวเสวียนอวี้หรอก คนที่นางเป็นห่วงก็คือชิงโม่เหยียนต่างหาก
หรูเสี่ยวนันใช้เท้าหน้าชี้ชิงโม่เหยียนแล้วก็ส่งเสียงร้องแผ่วๆ สองที
ชิงโม่เหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมลูบหัวของนาง “ตัวสกปรกเช่นนี้ เหม็นแทบตายแล้ว”
เมื่อกลับถึงเรือนก็เห็นสาวใช้ทั้งหมดก้มหน้าคุกเข่าอยู่บนพื้น
หรูเสี่ยวนันจึงนึกได้ว่าคงเป็นเรื่องที่ตัวเองวิ่งหนีออกไป พวกสาวใช้จึงต้องมารอรับผิดตรงนี้กระมัง