“ชิงโม่เหยียนไปที่ศาลต้าหลี่จริงๆ หรือ” หรูเสี่ยวนันได้คำตอบแล้วก็ยังไม่กล้าเชื่อ
เจ้าหมาโง่พยักหน้าหงึกๆ
“ไม่ถูกสิ…” หรูเสี่ยวนันครุ่นคิด นางรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายดายอย่างนั้น หากแค่ไปทำงานที่ศาลต้าหลี่ชิงโม่เหยียนไม่มีทางทิ้งนางไว้ที่จวนโหวลำพังแน่นอน
หรูเสี่ยวนันกลอกตาแล้วถามเจ้าหมาโง่ต่อ “เจ้ารู้ทางไปศาลต้าหลี่หรือไม่”
เจ้าหมาโง่มองนางอย่างงุนงง สีหน้าทำอะไรไม่ถูก มองจนหรูเสี่ยวนันนึกอยากจะทุบหัวมัน
“เจ้าฟังเข้าใจหรือไม่ว่าข้าพูดอะไร” หรูเสี่ยวนันขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เจ้าหมาโง่พยักหน้าหงึกๆ
“ข้าอยากไปศาลต้าหลี่ เจ้านำทางได้หรือไม่”
เจ้าหมาโง่มีสีหน้าหวาดกลัว มันเติบโตในจวนตั้งแต่เล็ก ไม่เคยออกไปข้างนอกมาก่อน
หรูเสี่ยวนันงับอุ้งเท้าอย่างรำคาญใจ ไม่ได้ นางต้องรู้ให้ได้ว่าชิงโม่เหยียนไปที่ใด
ทุกครั้งตอนไปศาลต้าหลี่ นางจะถูกชิงโม่เหยียนอุ้มไว้ในอ้อมอก ทั้งยังขี่ม้าอีกด้วย จึงไม่ได้จำทางเลย หากเดินสะเปะสะปะออกไป ไม่แน่ว่าอาจจะหลงทางได้
อีกอย่างด้วยร่างเล็กของนาง ต่อให้วิ่งก็ต้องใช้เวลานาน อุ้งเท้าของนางมิสึกหมดหรอกหรือ
ระหว่างที่นางกำลังคิดเรื่องเหล่านี้ในใจ ทางห้องหนังสือก็มีเสียงสาวใช้ดังลอยมา
“ในห้องหนังสือดูเหมือนจะมีความเคลื่อนไหว”
“หรือเจ้าเด็กดีจะตื่นแล้ว”
ใครเป็นเด็กดีของพวกเจ้า!
หรูเสี่ยวนันแอบหนีออกมา หากมีคนรู้ ครั้งหน้าอยากจะออกมาคงไม่ง่ายแบบนี้แล้ว
พอคิดถึงตรงนี้นางก็รีบวิ่งกลับไป คิดจะวิ่งกลับไปตามทางเดิมก่อนที่พวกสาวใช้จะเข้าไปในห้องหนังสือ
แต่นางก็ยังช้าไปหนึ่งก้าว สาวใช้คนหนึ่งผลักเปิดประตูห้องหนังสือเข้าไปแล้ว
จบกัน! หรูเสี่ยวนันใช้อุ้งมือกุมหน้า
“ว้าย!” สาวใช้ส่งเสียงร้องอย่างตกใจ ในขณะเดียวกันก็มีเงาสีขาวเงาหนึ่งผลุบออกมาจากในประตูห้องหนังสือ
“นี่อะไรกัน!” เหล่าสาวใช้ที่เฝ้ายามส่งเสียงร้องตกใจ
เมื่อเงาสีขาวปรากฏออกมา หรูเสี่ยวนันหัวใจเต้นกระตุก
เตียวขาว!
นางรีบหมุนตัววิ่งหนี “เจ้าหมาโง่! รีบมาช่วยเร็วเข้า!”