ทว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้ นางกลับพบว่าในใจตัวเองไม่ได้หวังให้ชิงโม่เหยียนเป็นอะไรไป
เมื่อลอบเข้าไปในห้องสำเร็จแล้วหรูเสี่ยวนันก็เดินอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิม
ภายในห้องมีกลิ่นของไม้ผุ บนผนังแขวนหุ่นไม้ไว้เป็นแถวๆ พวกมันไม่มีหัว มีเพียงส่วนร่างกายที่ทำจากไม้ ห้อยทิ้งตัวอยู่อย่างไร้พลังชีวิต
บนโต๊ะหนังสือมีไม้กองอยู่ไม่น้อย ยังมีชิ้นส่วนลำตัวของหุ่นไม้จำนวนหนึ่งหล่นกระจายไปทั่ว
เมื่อเดินลึกเข้าไปในห้องมีหัวหุ่นไม้ที่แกะสลักจากหยกวางเต็มห้อง แต่ละใบหน้าเย็นชาราวน้ำแข็ง
หรูเสี่ยวนันขนลุกชันอย่างห้ามไม่อยู่ ไออาฆาตแค้นในที่นี้รุนแรงมาก คิดไม่ถึงว่านางจะได้พบการสะกดวิญญาณที่นี่
ท่าจะไม่ดีแล้ว หรูเสี่ยวนันรู้สึกลังเลใจขึ้นมา
ตอนนี้ในมือนางไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย สิ่งที่ปู่สอนนางแม้จะมีไม่น้อย แต่ด้วยในมือนางว่างเปล่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชาดกับแผ่นยันต์เลย
นางกำลังคิดอยู่ ทันใดนั้นสายตาก็เลื่อนไปหยุดที่ตัวเจ้าหมาโง่
จริงสิ! หมาดำ!
หรูเสี่ยวนันแยกเขี้ยวเผยให้เห็นฟันน้ำนมซี่เล็ก
แหะๆๆ เจ้าหมาโง่ ขอโทษด้วยนะ
ณ เรือนด้านหลังของร้านหุ่นไม้
ควันสีเทาโอบล้อมทุกสิ่ง ไม่มีที่สิ้นสุด
ชิงโม่เหยียนปวดหัวจนแทบระเบิด เขาพยายามสะบัดหัว อยากให้ตนเองมีสติขึ้นกว่านี้
เงาคนตรงหน้าสั่นไหว ภาพฉากหลังไม่คุ้นตา
ชิงโม่เหยียนหลับตาลง ตอนลืมตาขึ้นอีกครั้ง สายตาก็ปรับชัดขึ้น
“รองตุลาการฟื้นแล้วหรือ” ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวตรงหน้าเขา
ชิงโม่เหยียนขยับตัว แต่พบว่าสองมือขยับไม่ได้เลย พอหันหน้าไปมองก็เห็นข้อมือของเขาถูกใส่กุญแจเอาไว้
ชายหนุ่มสวมชุดเก่าๆ เอาหมวกติดเสื้อคลุมหัว ปิดบังใบหน้าเอาไว้
“รองตุลาการอย่าขยับส่งเดชดีกว่า อีกครู่อาทิตย์ก็จะตกดินแล้ว ถ้าไม่ใส่กุญแจท่านเอาไว้ ถึงตอนที่พิษกู่กำเริบ จะส่งผลกระทบมาถึงข้าได้”
ชิงโม่เหยียนพยายามนึกย้อนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า หลังจากเขานำคนเข้ามาในร้านหุ่นไม้ก็เหมือนเข้ามาในม่านหมอกลึกลับ หาทางออกไม่เจอ และไม่อาจย้อนกลับมาตามทางเดิมได้ ต่อมาก็หมดสติไปโดยไม่รู้ตัว
พิษกู่กำเริบหรือ