หลินหวั่นชิงอึ้งงัน “…”
คนทั้งคู่ตัวแข็งทื่อ ศีรษะของหลินหวั่นชิงอยู่บนหน้าอกของเขา จึงได้รู้ว่ารูปร่างของคนผู้นี้สูงใหญ่กว่าตนเองมาก และแน่นอนว่าย่อมสูงกว่าเงาดำที่เห็นเมื่อครู่มากนัก
มิหนำซ้ำสิ่งนั้นที่อยู่ในมือนางนั้น…ไม่ใช่สิ่งที่เขามีแต่นางไม่มีที่ได้เห็นเมื่อครู่หรือ
แต่ว่า…นางกลืนน้ำลาย เช่นนี้สมเหตุสมผลจริงหรือ ทั้งเนื้อทั้งตัวซูโม่อี้ดูแล้วมีเนื้ออยู่ไม่เท่าไร เหตุใดเจ้าสิ่งนั้นจึงใหญ่ถึงเพียงนี้! รูม่านตาของหลินหวั่นชิงสั่นไหวอย่างแรงจนลืมที่จะเอามือออกไปชั่วขณะ
“ใต้เท้า!”
มีเสียงฝีเท้าเร็วๆ ดังขึ้นที่ข้างหู และภายในห้องที่มืดสนิทก็สว่างไสวในพริบตา
เยี่ยชิงนำขุนนางกลุ่มหนึ่งมาทันเวลาพอดี เมื่อเห็นซูโม่อี้ที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้า อีกทั้งยังกำลังกอดหลินหวั่นชิงซึ่งตัวเปียกโชกไปทั้งตัวนอนอยู่ข้างอ่างอาบน้ำที่…ระเกะระกะ รวมทั้งมือของหลินหวั่นชิง…ยังวางไว้ที่จุดจุดหนึ่ง…
เยี่ยชิงรู้สึกราวกับโลกได้พังทลายลงแล้วกระนั้น
ใต้เท้าใจเย็นและควบคุมอารมณ์ตนเองอยู่เสมอ ทั้งยังไม่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น ยกเว้นกับเจ้าหน้าที่หลินผู้นี้ ทั้งสะกดรอยตาม ส่งยา บรรจุตำแหน่งให้เขาคอยอยู่ข้างกายตนเอง ประกอบกับซื่อจื่ออายุเกินยี่สิบปีแล้วยังไม่ได้แต่งงาน…
ใช่แล้ว ต้องเป็นเช่นนี้แน่ๆ
“มี…มือสังหาร…” หลินหวั่นชิงพยายามอธิบายด้วยตัวแข็งทื่อ…ลิ้นพันกัน
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ดูเหมือนจะฟังไม่เข้าใจ พวกเขายังคงตกตะลึง
เยี่ยชิงหันหลังกลับทันที พยายามบังซูโม่อี้และหลินหวั่นชิงเอาไว้แล้วสั่งการอย่างเคร่งขรึม “รีบไปหามือสังหารเดี๋ยวนี้! อย่ามัวแต่ยืนตะลึงอยู่!”
ทุกคนจึงเข้าใจความหมายของเขา ต่างแยกย้ายกันไปอย่างรู้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร พร้อมใจกันเดินออกไปโดยแกล้งทำเป็นมองหามือสังหาร
“เฮ้อ…” เยี่ยชิงถอนหายใจด้วยความสะเทือนใจเป็นอย่างมาก แล้วส่งสายตาให้ซูโม่อี้พลางเอ่ย “แม้ข้าจะตกใจ แต่ข้าก็ยังคงเลือกที่จะเข้าใจ”
จากนั้นเขาก็เดินจากไปอย่างหนักใจ สุดท้ายยังคงไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องอาบน้ำให้ด้วย
“ยังไม่ลุกขึ้นอีก?”
“ลุกขึ้น!” ฝ่ามือของหลินหวั่นชิงร้อนผ่าว จึงรีบดึงมือกลับ
ซูโม่อี้ลุกขึ้นช้าๆ จัดการเสื้อคลุมด้วยท่าทางสงบเป็นธรรมชาติ แล้วจึงพูดกับหลินหวั่นชิง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาคือฆาตกรที่ฆ่าหวังหู่”
ในเวลานี้แววตาและความคิดของหลินหวั่นชิงยังคงหยุดอยู่ที่ตัวของซูโม่อี้ นางพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ซูโม่อี้ถูกหลินหวั่นชิงมองจนรู้สึกหนาวสั่น เขาสวมเพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวที่ไม่หนา และเวลานี้ยังเปียกน้ำอีกด้วย เสื้อคลุมตัวนั้นเปียกชื้นและบางแนบกาย ส่วนเว้าของกล้ามเนื้อหน้าอก กล้ามเนื้อหน้าท้องและแขนไม่สามารถปกปิดได้เลย
“แค่กๆ” ซูโม่อี้ไอแห้งๆ สองครั้งพร้อมใช้หมัดบังริมฝีปาก แล้วเอียงกายไปหยิบเสื้อคลุมที่หนาขึ้นอีกหน่อยมาอีกตัว
หลินหวั่นชิงพบความไม่เป็นธรรมชาติของซูโม่อี้ และยังสังเกตเห็นกิริยาเสียมารยาทของตนเองอีกด้วย บุรุษด้วยกันไม่มีอะไรให้ต้องจ้องมองอย่างตกใจจนเกินเหตุ นางจึงกระแอมแล้วแสร้งทำเป็นพูดอย่างสงบ “ข้าเคยพบเขาครั้งหนึ่งที่นอกห้องขังของที่ว่าการเมืองหลวง”
“เจ้าเคยเห็นเขา?” ซูโม่อี้เอ่ยถาม
หลินหวั่นชิงส่ายหน้า “ข้าเคยได้กลิ่น”
ซูโม่อี้ตะลึงงัน รอหลินหวั่นชิงอธิบาย
“กลิ่นกายของมือสังหารนั้นพิเศษมาก ข้าสามารถจดจำกลิ่นได้ ยิ่งไปกว่านั้น…” หลินหวั่นชิงกล่าวเสริม “เมื่อครู่ข้าสะกดรอยตามเขามาตลอดทาง พบว่าวิชาตัวเบาของเขาค่อนข้างคุ้นเคย แต่ข้าก็ไม่สามารถอธิบายรายละเอียดได้”
“อืม” ซูโม่อี้รับคำอย่างสบายๆ ก่อนจะซักถามต่อ “เจ้ายังมีอะไรต้องการเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีของหวังหู่หรือไม่”
หลินหวั่นชิงขาดทุนมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้จึงฉลาดขึ้น นางถามว่า “หากต้องดูแลอีกคดีหนึ่ง ใต้เท้าจะมีรางวัลให้หรือไม่” พูดจบก็ส่งสายตารอคอยคำตอบให้ซูโม่อี้
“คดีฆ่าข่มขืนเป็นของเจ้า คดีของหวังหู่เป็นของข้า ไม่มีรางวัล”
หลินหวั่นชิงพูดไม่ออก “…” คนผู้นี้เหตุใดกระทำการไร้ยางอายแล้วยังพูดได้เต็มปากเต็มคำเช่นนี้
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว…” หลินหวั่นชิงเบะปาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้เบาะแสของสาวใช้ขาเป๋ผู้นั้นนางคงต้องเก็บรักษาไว้ วันใดอารมณ์ดีค่อยพูด
ซูโม่อี้เห็นท่าทางของนางเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดความคิดชวนขบขันขึ้น จึงพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าจะเห็นแก่หน้าเจ้า ให้เบาะแสเกี่ยวกับคดีฆ่าข่มขืนเจ้าเรื่องหนึ่ง”
หลินหวั่นชิงชะงักไป
หรือว่าคดีฆ่าข่มขืนไม่ได้เป็นคดีของศาลต้าหลี่ เหตุใดจึงบอกว่าเห็นแก่หน้าข้า ขุนนางอำมหิตผู้นี้ช่าง…
ไม่พอใจก็ส่วนไม่พอใจ แต่สัญชาตญาณกลับผลักดันให้นางรีบพยักหน้า
“ตามการวิเคราะห์ของเจ้า จากท่าทีและนิสัยของฆาตกรมีความเป็นไปได้สูงว่าผู้ก่อคดีจะเป็นคนคุ้นเคย เหยื่อทั้งสามคนมีสิ่งที่เหมือนกันประการหนึ่งก็คือก่อนที่จะมาเป็นภรรยาลับหรืออี๋เหนียงของขุนนางชั้นสูงที่มีชื่อเสียงล้วนเคยเป็นหญิงคณิกาที่โดดเด่นของหอคณิกามาก่อน” นิ้วเรียวยาวของเขารัดเสื้อคลุมตัวหลวมเสร็จแล้วพูดอย่างสบายๆ “พรุ่งนี้ตามข้าไปดูด้วยกัน”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 27 เม.ย. 67