ก่อนออกไปเฉิงจยาโหย่วยังหยิบลูกบอลห้าสีขนาดเท่าฝ่ามือลูกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนเข้าไปในกรง พีพีตาวาวงับลูกบอลไว้ในปาก เฉิงจยาโหย่วถือโอกาสยื่นมือเข้าไปเพื่อลูบหัวพีพีก่อนเดินออกมาพร้อมสวีเจ้าอิ่ง
“ผมไม่ค่อยคุ้นกับแถวนี้เท่าไหร่ คุณสวีช่วยแนะนำสถานที่มาเลยดีกว่าครับ” เฉิงจยาโหย่วช่วยคาดเข็มขัดนิรภัยให้สวีเจ้าอิ่งพลางเอ่ยบอก
เธอไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขา สวีเจ้าอิ่งบอกชื่อร้านอาหารที่ตนคุ้นเคยก่อนเฉิงจยาโหย่วจะขับรถออกไป หญิงสาวนั่งอยู่ในรถเงียบๆ อาศัยแสงสลัวๆ พิจารณาตัวรถและผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ รถคันนี้เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของปีนี้และเป็นยี่ห้อที่เมิ่งเทียนเทียนร่ำร้องว่าจะเก็บเงินซื้อให้ได้อยู่ทุกวัน ภายในรถสะอาดสะอ้าน ไม่มีเถ้าบุหรี่ และไม่มีของจุกจิกวางทิ้งไว้แบบส่งๆ ตรงที่วางของมีแก้วน้ำเก็บอุณหภูมิแบบใสวางอยู่ใบเดียว เฉิงจยาโหย่วสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวลายตารางสีเทาเข้ม ตรงปลายแขนเสื้อมีนาฬิกาข้อมือโผล่ออกมา สีสันกับแบบของมันเข้ากับสไตล์การแต่งกายของเขาทำให้ดูน่าเชื่อถืออย่างมาก
ภายในสถานที่ปิดทึบเช่นนี้ทำให้เกิดความเงียบขึ้นได้อย่างประหลาด โชคดีที่เฉิงจยาโหย่วเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน “ผมเคยได้ยินเมิ่งเทียนเทียนพูดถึงคุณมานาน แต่ก็เพิ่งจะได้เจอกันวันนี้ คุณเป็นอย่างที่เธอเล่าจริงๆ”
การที่เขาพูดแบบนี้ช่างกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเธอเป็นอย่างมาก “เมิ่งเทียนเทียนพูดถึงฉันว่ายังไงเหรอคะ”
“สวยแบบไม่เฟก ทำงานเก่งแต่ไม่คร่ำครึ”
สวีเจ้าอิ่งหลุดขำพรืดออกมา มีหรือที่เมิ่งเทียนเทียนจะพูดถึงเธอแบบนี้ ตั้งแต่เธอมาที่เซี่ยงไฮ้ ในสายตาของเมิ่งเทียนเทียนแล้วสวีเจ้าอิ่งก็เป็นแค่คนบ้างานคนหนึ่ง นี่จึงเป็นแค่ถ้อยคำที่เฉิงจยาโหย่วใช้ชมเธอเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ มันก็ยังคงเป็นคำชมที่มาจากชายหนุ่มซึ่งเพิ่งจะพบกันครั้งแรก สวีเจ้าอิ่งรู้สึกไม่ค่อยดีนักจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “ได้ยินว่าคุณเป็นช่างภาพให้กับนิตยสารของเมิ่งเทียนเทียน?”
“ผมแค่เคยช่วยเมิ่งเทียนเทียน จะเรียกว่าเป็นช่างภาพได้ที่ไหนกัน เธอชมเกินไปแล้วครับ อาชีพหลักของผมคือทำงานด้านการเงินอยู่ที่ธนาคารฮุ่ยต๋าที่เป็นไพรเวต แบงกิ้งน่ะ ผมเป็นผู้จัดการด้านการเงินส่วนบุคคลครับ”
“ไพรเวต แบงกิ้งงั้นเหรอคะ”
เห็นสวีเจ้าอิ่งดูจะไม่เข้าใจ เฉิงจยาโหย่วจึงอธิบายเพิ่ม “เราให้บริการเรื่องคำปรึกษาด้านการเงินแก่ลูกค้าวีไอพีโดยเฉพาะครับ”
“เมิ่งเทียนเทียนเป็นลูกค้าของคุณหรือคะ”
“เมิ่งเทียนเทียนเป็นลูกค้าของเพื่อนร่วมงานผมครับ และใช่ครับ…เธอเป็นระดับวีไอพี”
“ยิ่งได้ฟังแบบนี้ก็รู้สึกว่าว้าวมากเลยค่ะ”
“มันก็แค่คำเรียกน่ะครับ คู่ค้าของเราคือคนที่มีทรัพย์สินสิบล้านหยวนขึ้นไป”
แม้สวีเจ้าอิ่งจะนับได้ว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ แต่อายุของเธอก็ยังน้อย เมื่อเทียบกับคนที่มีทรัพย์สินระดับสิบล้านหยวนขึ้นไปแล้วก็ถือว่าเธอเป็นคนที่ยังต้องทำงานงกๆ
“พูดแบบนี้แสดงว่าคุณเฉิงจะต้องมีความรู้ความชำนาญมาก”
เฉิงจยาโหย่วหัวเราะหึๆ ออกมา “มากอะไรล่ะครับ มันก็แค่งานงานหนึ่ง พูดกันตรงๆ คือผมเป็นแค่พนักงานระดับสูงคนหนึ่งเท่านั้น”