“คุณเป็นใคร?”
จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง สวีเจ้าอิ่งตกใจ แต่พอตั้งตัวได้และหันไปมองก็พบว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ชายตัวสูงราวๆ หนึ่งร้อยแปดสิบห้าขึ้นไป เปลือยท่อนบนอวดกล้ามท้องแปดมัด รูปร่างสมส่วน กำลังอวดความแข็งแกร่งเหมือนโลหะอยู่เบื้องหน้าของสวีเจ้าอิ่ง ดูจากท่าทางแล้วผู้ชายคนนี้น่าจะเพิ่งออกมาจากห้องฟิตเนสเพราะมีกลิ่นเหงื่อ และที่แก้มก็มีเหงื่อเกาะอยู่ แม้แต่บนหน้าอกเองก็มี เขาใช้เสื้อยืดที่พาดอยู่บนไหล่เช็ดเหงื่อบนหน้าผากพลางพิจารณาสวีเจ้าอิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“คนของนิติฯ คนตรวจมิเตอร์น้ำ หรือพนักงานส่งของ?”
เขายิงคำถามไม่หยุด น้ำเสียงใสกังวานมั่นอกมั่นใจนั้นทำให้สวีเจ้าอิ่งตาพร่า ลืมถ้อยคำที่เตรียมมาทั้งหมด ได้แต่นิ่งงัน
ชายหนุ่มเอาเสื้อยืดพาดบ่าอีกครั้ง เท้าเอวแล้วเดินหน้ามาสองก้าว ซึ่งการก้าวสองก้าวนี้ของเขาทำให้สวีเจ้าอิ่งตกใจจนต้องถอยกรูดไปติดผนัง
“คุณครับ คุณขวางประตูห้องผมอยู่ ตกลงมีธุระอะไร”
“ขะ…ขอโทษค่ะ ฉันเคาะผิดห้อง” ท่าทางเอาเรื่องเมื่อครู่ของสวีเจ้าอิ่งหายวับ เหลือไว้แค่ความแตกตื่นจนต้องเผ่นหนี
แม้จะหนีกลับมาถึงห้องของตัวเองและปิดประตูเรียบร้อยแล้ว แต่หน้าอกของสวีเจ้าอิ่งยังคงสะท้อนขึ้นลงไม่หยุด คนที่ดูน่ากลัว มีกล้ามเป็นมัดแบบนี้ แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี มิน่าเล่าเขาถึงทิ้งหมาได้ลง ไม่แน่ว่าอาจเป็นพวกเจ้าอารมณ์ด้วย แล้วไหนจะไรหนวดตรงคางกับมุมปากที่ทำให้เขาดูน่ากลัวมากขึ้นอีก แม้ว่าหนวดนั่นจะผ่านการตัดแต่งมาแล้วก็ตาม แต่ในความคิดของสวีเจ้าอิ่งแล้วก็มีแต่พวกนักเลงกู๋หว่าไจ๋ที่ดวลดาบกันในหนังฮ่องกงเท่านั้นแหละที่จะชอบไว้หนวด
เธอประมาทเกินไปจริงๆ แม้จะเคยได้ยินบทเรียนเรื่อง ‘ความปลอดภัยในชีวิตสำหรับสาวโสด’ มาไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยประสบภัยกับตัวเองเลยสักครั้ง ทว่ามาวันนี้ก็เท่ากับว่าเธอได้เจอเรื่องน่ากลัว แต่ก็โชคดีที่ไม่เป็นอะไรเข้าให้แล้ว ถ้านายไว้เครานั่นเกิดคิดไม่ซื่อกลางดึกกลางดื่นขึ้นมาเธอคงจะเรียกฟ้าฟ้าไม่ขาน เรียกดินดินไม่ตอบแน่ๆ
สวีเจ้าอิ่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้าไปหนึ่งถ้วยถึงค่อยสงบใจลงได้ เธอนึกถึงผู้ชายร่างบึกบึนที่ชั้นสิบห้าแล้วก็ตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวต้องสะบัดผมที่เพิ่งสระเสร็จเพื่อไล่คนคนนั้นออกจากสมองก่อนจะดับไฟและปิดผ้าม่านเพื่อเข้านอน
หิมะข้างนอกหยุดตกตอนรุ่งสาง สวีเจ้าอิ่งจำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นหิมะตกครั้งที่เท่าไหร่ของปีนี้ เซี่ยงไฮ้ในช่วงหน้าหนาวมักถูกหิมะปกคลุมบางๆ อยู่เสมอ เธอเกิดที่เจียงหนานซึ่งเป็นเมืองแห่งสายน้ำ อากาศที่เซี่ยงไฮ้กับที่บ้านจึงแตกต่างกันไม่มากนัก แต่เธอก็ไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว ได้แต่อาศัยอยู่ที่เซี่ยงไฮ้มาตลอด
ตามความเข้าใจของสวีเจ้าอิ่งแล้ว คนที่ชื่อฉู่จิงหงไม่ใช่เจ้าของสัตว์เลี้ยงประเภทที่จะไล่จากโรงพยาบาลไปได้ง่ายๆ ดังนั้นต่อให้สวีเจ้าอิ่งยื่นคำขาดไป แต่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็คงทำอะไรกับฉู่จิงหงไม่ได้อยู่ดี
“ผอ. คะ เกรงว่าคุณฉู่คงบล็อกเบอร์ของโรงพยาบาลเราไว้ พอโทรไปก็ขึ้นสัญญาณสายไม่ว่างตลอดเลยค่ะ” เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์รายงานเสียงสั่นด้วยกลัวว่าสวีเจ้าอิ่งจะอารมณ์ขึ้นแล้วตัวเองจะโดนด่า
ไปๆ มาๆ ทางโรงพยาบาลกับคนแซ่ฉู่ได้ทำศึกใหญ่กันอยู่หลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งล้วนเป็นทางโรงพยาบาลที่ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมผู้อำนวยการต้องดื้อด้านอยากจะเอาชนะขนาดนี้ด้วย