ฉู่จิงหงเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจคนหนึ่ง เพราะ ‘บ้านฟาร์ม’ นั้นได้รับความนิยมตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แม้ว่าธุรกิจกลางคืนในเซี่ยงไฮ้จะเงียบเหงาแค่ไหน แต่ร้านบ้านฟาร์มกลับคึกคักสว่างไสว ดูท่าฉู่จิงหงจะโทรมาบอกก่อน ผู้จัดการร้านจึงเตรียมห้องส่วนตัวไว้ให้หนึ่งห้อง ห้องส่วนตัวห้องนี้เป็นห้องเดียวกับที่ฉู่จิงหงใช้ถ่ายรายการครั้งก่อน ถึงวันนั้นสวีเจ้าอิ่งจะเมามาก แต่พอสร่างเมาเธอก็จำวีรกรรมของตัวเองได้แม่นยำ มานึกถึงอีกทีตอนนี้ก็รู้สึกอับอายจริงๆ ทว่าหญิงสาวก็ยังคงฝืนทำหน้าหนาเข้าไปนั่งในห้อง
นั่งได้ไม่ถึงห้านาทีอาหารปิ้งย่างก็ถูกนำมาเสิร์ฟอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
ฉู่จิงหงกล่าวเปิดงาน “ทุกคนทำงานเหนื่อยกันแล้ว เชิญทานกันให้เต็มที่นะครับ”
เมิ่งเทียนเทียนหยิบเนื้อแกะเสียบไม้ขึ้นมา “งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะคะเถ้าแก่ฉู่”
เพื่อนสนิทของเธอไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย ด้านเฉิงจยาโหย่วยังคงนิ่ง ส่วนสวีเจ้าอิ่งก็ได้แต่นั่งบื้อใบ้อยู่ตรงนั้นจนเมิ่งเทียนเทียนต้องใช้ศอกกระทุ้งเธอ “รีบกินสิ”
“ผอ. สวีไม่ทานเนื้อแกะ อีกเดี๋ยวจะมีหม้อเล็กให้ต่างหากครับ”
ไม่ต้องรอให้สวีเจ้าอิ่งพูด ฉู่จิงหงก็ชิงอธิบายขึ้นมาเสียก่อน เมิ่งเทียนเทียนตบหน้าผากตัวเองเบาๆ “ฉันกินเพลินไปหน่อยก็เลยลืมไปเลย เถ้าแก่ฉู่นี่ใช้ได้ เอาใจใส่ดีจริงๆ”
ระหว่างที่คุยกันหม้อเล็กของสวีเจ้าอิ่งที่ชายหนุ่มเจ้าของร้านบอกไว้ก็มาเสิร์ฟ มันเป็นหม้อดินเผาแบบแบนที่มีผักย่างกับเนื้อชิ้นเล็ก ในหม้อดินเผาร้อนจัดมีมะเขือเทศฝานสีสันสวยงาม ดูน่ารับประทานมาก สวีเจ้าอิ่งรู้สึกหิวมากจึงไม่ได้ปฏิเสธ เธอกินเข้าไปคำโตอย่างเงียบๆ
เฉิงจยาโหย่วรินน้ำให้สวีเจ้าอิ่งโดยไม่เอ่ยคำใดแล้วเลื่อนมาตรงหน้าเธอ สวีเจ้าอิ่งยิ้มพลางกล่าวคำขอบคุณ ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดอัลบั้มรูปถ่ายก่อนเลื่อนภาพให้สวีเจ้าอิ่งดู “นี่เป็นรูปที่ผมถ่ายให้พีพีเมื่อสองวันก่อนครับ น่ารักไหม”
สวีเจ้าอิ่งดูไปได้แค่สองภาพ โทรศัพท์มือถือก็ถูกเมิ่งเทียนเทียนแย่งไป
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าตัวเล็กจะขึ้นกล้อง คราวหน้าฉันทำโปรเจ็กต์สัตว์เลี้ยงกับสุภาพบุรุษสักปักษ์ดีกว่า เอาหนุ่มๆ คนรักสัตว์ทั้งเมืองมารวมตัวกันทำประชาสัมพันธ์ เอ๋? ฉันนึกออกแล้ว เถ้าแก่ฉู่คะ ดูเหมือนฉันจะเคยเห็นชื่อคุณมาก่อนนะ”
ฉู่จิงหงกะพริบตาปริบๆ พยายามนึกว่าตัวเองเคยไปมีปฏิสัมพันธ์กับเมิ่งเทียนเทียนตอนไหนอย่างหนัก
เมิ่งเทียนเทียนเคาะศีรษะตัวเองเบาๆ “เออ จริงด้วย เห็นในเอกสารสละสิทธิ์การเลี้ยงดูนี่เอง” หญิงสาวเห็นฉู่จิงหงทำหน้างุนงงก็อธิบายเพิ่ม “ฉันเป็นอาสาสมัครของสมาคมคุ้มครองสัตว์เลี้ยงประจำเซี่ยงไฮ้ค่ะ คุณเคย…ทิ้งสัตว์หรือเปล่าคะ”
สวีเจ้าอิ่งรู้ว่าเมิ่งเทียนเทียนกำลังสำแดงความเป็นคนจริงของตัวเองออกมาแล้ว กับเรื่องที่ขัดหูขัดตาแล้วนั้นเธอไม่มีทางยอมปล่อยให้ลากยาวไปถึงสองวันเด็ดขาด ที่พูดออกมาแบบนี้ก็เพื่อจะด่ากันให้เห็นๆ
ฉู่จิงหงมีท่าทีกระอักกระอ่วนเล็กน้อย หัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “บ.ก. เมิ่งรับงานหลายจ็อบจริงๆ แฮะ ยุ่งขนาดนี้ยังอุตส่าห์จำชื่อของคนตัวเล็กๆ แบบผมได้อีก”
“ไม่ใช่ว่าฉันจำคุณได้หรอกค่ะ แต่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ที่กว้างใหญ่นี่ มีคนที่เซ็นเอกสารสละสิทธิ์การเลี้ยงดูอยู่แค่ไม่กี่คน เรื่องดีไม่เคยแพร่งพรายออกนอกบ้าน เรื่องร้ายกลับกระจายไปไกลนับพันลี้* ฉันเลยจำคนทิ้งสัตว์เลี้ยงได้ฝังหัว”